ทนายอนันต์ชัย เผย บิ๊กโจ๊ก ปรึกษาถอยสู้คดี ชี้ไม่เปิดบิ๊กเซอร์ไพรส์ หากโดนถอด
ทนายอนันต์ชัย ยอมรับ บิ๊กโจ๊ก มาปรึกษาจะถอยสู้คดีจริง เหตุมีใบสั่ง ยืนยัน "บิ๊กเซอร์ไพรส์" 5 ต.ค. นี้ เปรียบเหมือน "เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนถึงดวงดาว" แต่หากโดนถอดถอนจากทนายคดีบิ๊กโจ๊ก คงไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน
วันนี้ (2 ต.ค. 66) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) รอง ผบ.ตร. และตำรวจอีก 8 นายที่ถูกดำเนินคดีฐานพัวพันเว็บไซต์พนันออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดา ถึงกรณีความคืบหน้าการสู้คดี ว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 30 กันยายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่า เราจะถอยดีไหม ตนจึงบอกไปว่า จะถอยได้อย่างไร เพราะยังมีน้องๆ ตำรวจอีก 8 นายที่ถูกดำเนินคดี และตนมองว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงตัวบิ๊กโจ๊กเองจะยอมไม่ได้ เพราะกำลังรบกันอยู่ ยังไม่ไปถึงไหน อยู่ๆ จะมีคนมาสั่งไม่ได้
ซึ่งตนได้ถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าใครที่สั่งมา ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า อย่ารู้เลย ตนเลยบอกว่าไม่เป็นไร ตนจะทำต่อไปในส่วนของตน แต่ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คิดว่าตนไม่สามารถจะทำคดีให้ต่อไปได้ ก็ให้ถอนตนออก แต่จะมาบอกให้ตนหยุดเอง ตนไม่หยุด "เหมือนการเปลี่ยนม้ากลางศึก ตอนที่กำลังรบ" ตนทำไม่ได้ รบแบบนี้จะไม่ชนะ ไม่ใช่ว่าดันทุรัง แต่สถานการณ์ตอนนี้ฝุ่นกำลังตลบ ทุกคนยังอยู่ในสนามรบ เป็นตายเท่ากัน ตนเลยโพสต์เรื่องยิงธนูลงไปในโซเชียลมีเดียส่วนตัว
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนโพสต์ไป ก็ได้มีบุคคลที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับวงการตำรวจ ซึ่งคงเป็นคนละคนกับที่ติดต่อหา พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ แต่น่าจะเป็นสายเดียวกัน โทรศัพท์มาหาตนแล้วพูดในทำนองว่า "ให้เบาๆ หน่อย ให้ระวังตัวหน่อย" ซึ่งตนก็เฉย ไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แต่ได้โพสต์ไปอีกครั้งบอกว่า "เราเป็นทนายสายชน สู้ไม่ถอย" ทางใครทางมัน ตนต้องดูแลรับผิดชอบลูกความ และตนก็ไม่รับโทรศัพท์สายนั้นอีก
ทนายอนันต์ชัย ยืนยันว่า ไม่ใช่ว่าตนอยากดัง สั่งให้ถอยแล้วไม่ถอย แต่การทำงานของตน อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความเป็นธรรม ไม่ใช่ทำงานตามใจใคร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาหาตนตอนเลือดท่วมตัว ตนในฐานะแม่ทัพก็ต้องออกมารักษาและรบต่อ
ส่วนคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน ถ้าไม่ได้มาร่วมรบด้วย ก็ขออย่ารู้ดีไปกว่าตน ตนทำงานโดยใช้วิชาชีพ และตนไม่เคยพูดว่าคดีนี้จะต้องชนะ ตนทำตามพยานหลักฐาน ตนไม่ใช่ทนายเทวดา ตนมาทำคดีนี้ ก็เพื่อต้องการให้ข้อเท็จจริงปรากฎ
สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น จากที่ได้พูดคุยกันก็ยังสบายดี เพียงแต่ตนได้กำชับไว้ว่าไม่อยากให้พูดอะไร เพราะพูดแล้วอาจไปกระทบบุคคลอื่น หรือกระทบต่อรูปคดี แต่ไม่ใช่ว่าตนมีอำนาจเหนือกว่า ตนสั่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ได้ แต่ในสนามรบ ตนคือแม่ทัพ ต้องเป็นใหญ่ แต่ถ้าเลิกรบ จบคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คือฮ่องเต้ก็เป็นใหญ่ จะตัดหัวตนก็ได้
ส่วน "บิ๊กเซอร์ไพรส์" ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะชนในวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม นี้ ยืนยันว่า ยังมีอยู่ ทำเอกสารทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว และมั่นใจว่าสิ่งที่จะเปิดเผยไป เปรียบได้กับการ "เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนถึงดวงดาว" เพราะเรื่องนี้จะกระทบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปกระทบกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่หรือไม่นั้น ทนายอนันต์ชัย บอกว่า อันนี้บอกไม่ได้ แต่กระทบเยอะแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากภายในวันที่ 5 ตุลาคม นี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถอดถอนตนจากตำแหน่งทนายความก่อน ทุกอย่างก็ถือว่าจบกัน ตนก็จะไม่มีการเปิดเผยบิ๊กเซอร์ไพรส์นี้ต่อสาธารณชน ซึ่งล่าสุดที่คุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะถอน