สายการบิน 'เกาหลีใต้-ไต้หวัน' ขานรับเชียงใหม่เปิดบิน 24 ชม.
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ชี้เชียงใหม่เปิดสนามบิน 24 ชม. ส่งผลดีให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว ล่าสุด สายการบิน "เกาหลีใต้-ไต้หวัน" เปิดเส้นทางบินตรงเชื่อมเชียงใหม่ ส่วนตลาดจีนยังนิ่งสนิท
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การขยายเวลาเปิดสนามบินเชียงใหม่เป็น 24 ชั่วโมง จากเดิม 18 ชั่วโมง ถือว่าเป็นประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวเชียงใหม่ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนยังเข้ามาไม่มากนัก
ดังนั้น การเปิด 24 ชั่วโมง สามารถเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นนี้ สายการบินจากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีความประสงค์จะบินตรงเข้า เชียงใหม่ 2 สายการบิน จากเดิมที่บินเข้ามาแล้ว 3 สายการบิน และคาดว่าจะมี สายการบินจากจีนเข้ามาเพิ่ม แต่รัฐบาล ต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว เพราะช่วงนี้ ถือว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังไม่ถึงเป้า และปัจจุบันยังไม่มีสายการบินจากจีนแจ้งความจำนงเข้ามาเพิ่ม ในช่วงเปิดสนามบิน 24 ชั่วโมง แต่อาจจะมีสายการบินจากไต้หวันเพิ่มเข้ามา อีก 1 สายการบิน จากเดิมที่บินเข้ามาแล้ว 2 สายการบิน อนาคตอาจมีถึง 4 สายการบิน เพราะภาคเอกชนเชียงใหม่ ไปโปรโมทการท่องเที่ยว ที่ไต้หวัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
แม้ที่ผ่านมาจะมีกระแสคัดค้านจากชาวบ้าน 2,000 ครอบครัวที่จะได้รับผลกระทบจากการเปิดสนามบิน 24 ชั่วโมง เบื้องต้นคาดว่าไม่กระทบมากนัก เพราะสายการบินต่างประเทศยังเข้ามาน้อย แต่ควรที่จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการ ประสานงานเจรจาทำความเข้าใจกับชุมชนที่จะได้รับผลกระทบ เพื่อความจัดเจนในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงขยายเวลาเปิดให้บริการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ว่า การขยายเวลาให้บริการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นการดำเนินการตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เมื่อปี 2548 โดยมีเที่ยวบินในช่วงเวลากลางคืน ระหว่างเวลา 22.00 น.ถึง 07.00 น.ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 6 ของเที่ยวบินที่ทำการบินรวมตลอดทั้งวัน และการให้บริการในช่วงปีแรกจะทำการบินไม่เกินเวลา 01.00 น.และหลังจากนี้จะมีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด EIA ใหม่ เพื่อศึกษาทบทวนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และดูแลตามกรอบกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ทาง ทอท.จะสนับสนุนงบประมาณจัดตั้งกองทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเสียง และซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน จำนวน 4 กองทุน ตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในแนวเส้นเสียง โดยมีผู้นำชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำกับดูแล และจะจัดการดูแลตรวจสมรรถภาพการได้ยิน ให้แก่ประชาชนในแนวเส้นเสียง และติดตั้งเครื่องวัดเสียงตามจุดต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับเสียงให้แก่โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองแม่เหียะ เพื่อลดผลกระทบด้านเสียงแก่เด็ก
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2566 จังหวัดเชียงใหม่มีรายได้ทางการท่องเที่ยวราว 71,000 ล้านบาท ตลอดทั้งปี 2566คาดว่าจังหวัดเชียงใหม่จะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ทางการท่องเที่ยวที่ประมาณ 90,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของปี 2562 แรงผลักดันสำคัญมาจากการปรับเปลี่ยนนโยบายส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของภาครัฐให้เกิดความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น (Ease of Travelling) และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
นับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้จังหวัดเชียงใหม่บรรลุเป้าหมายรายได้ทางการท่องเที่ยวได้ไม่ยาก ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะสามารถทำรายได้ทางการท่องเที่ยวได้เท่ากับปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนการระบาดของโควิด -19 คิดเป็นรายได้ราว 1.10 แสนล้านบาท
ข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ พบว่า ปี 2566 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือน กันยายน มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่แล้ว 665,181 คน มากสุดคือ นักท่องเที่ยวจีน 155,781 คน เกาหลี 127,791 คน ไต้หวัน 62,472 คน