บุกจับ 'ใบเฟิร์น' เน็ตไอดอล หลอกลงทุน ใช้ชีวิตหรูหรา
ตำรวจบุกจับ “ใบเฟิร์น” เน็ตไอดอลชื่อดัง หลอกลงทุนธุรกิจร้านทำเล็บ-แชร์ออมเงินออนไลน์ อ้างผลตอบแทนสูง สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อ 40 คน สูญเงิน 10 ล้าน เผยถูกตำรวจท้องที่เชียงใหม่ ถูกออกหมายจับแล้ว แต่เจ้าตัวยังใช้ชีวิตหรูหรา ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ตำรวจชุดสืบนครบาล ร่วมกับตำรวจ PCT5 และชุดสืบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.มณฑิรา หรือ ใบเฟิร์น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ
ตำรวจ PCT5 ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว โดยมีเพียงเบาะแสว่า น.ส.มณฑิรา กินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ ชุดสืบสวนตระเวนตรวจสอบแต่ยังคงไร้ร่องรอย กระทั่งได้เบาะแสจากสายลับว่า น.ส.มณฑิรา ควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงตระเวนกระจายกำลังตามห้างดังทั่วกรุงเทพกว่า 5 วัน
ต่อมาวันที่ 8 พ.ย. 66 ชุดสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ตามห้าง ได้พบตัวขณะกำลังเดินหาซื้อชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ จึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัวน.ส.มณฑิราได้ โดยจับกุมตัวได้ที่ห้างยูเนียนมอลล์ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
การจับกุม น.ส.มณฑิรา อินทร์สุวรรณ หรือ “ใบเฟิร์น” อายุ 31 ปี ชาว จ.ลำพูน ผู้ต้องหา ตามหมายจับ 2 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.997/2566 ลงวันที่ 5 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่)
2.หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.1073/2566 ลงวันที่ 26 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่)
จากพฤติการณ์ หลอกลวงให้ลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” โดยมีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดย น.ส.มณฑิรา เป็นหญิงสาวมีรูปร่างหน้าตาที่ดี เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากออกรายการทีวีต่างๆ ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG ของเธอ จึงมีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน
และในเฟสบุ๊คของเธอ ยังมีการโพสต์ภาพคู่กับรถหรูและดาราผู้มีชื่อเสียงอีกหลายๆ คน สร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี ช่วงต้นปี 2566 นางมณฑิรา โพสต์เชิญชวนให้ร่วมลงทุน เป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ พร้อมการเสนอแพ็กเกจต่างๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินไปร่วมลงทุน น.ส.มณฑิรา จึงเริ่มปฏิเสธติดต่อยาก ปฏิเสธตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ
เมื่อผู้ร่วมลงทุน เริ่มพบความผิดปกติ ตั้งแต่สัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นแบบผิดๆ ถูกๆ หลายครั้ง มีการบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงินปันผล จนช่วงปลายมิถุนายน เธออ้างกับเหยื่อว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้กับผู้ร่วมลงทุน ก่อนหลบหน้า หนีหายเข้ากลีบเมฆไป ภายหลัง บรรดาเหยื่อที่ร่วมลงทุนกับเธอ ทยอยเข้าแจ้งความ
กระทั่งมีการออกหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ พล.ต.ต.ธีรเดช จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ “สืบนครบาล และ PCT 5” ร่วมเป็นทีมสืบสวนจนได้รับเบาะแสว่า น.ส.มณฑิรา ควงหนุ่มอยู่ตามศูนย์การค้าฯในพื้นที่ จ.กรุงเทพ จึงตระเวนกระจายกำลังกว่า 5 วัน กระทั่งวันที่ 8 พฤศจิกายน ชุดสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ตามห้างได้พบ น.ส.มณฑิรา กำลังเดินหาซื้อชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ในเขตจตุจักร จึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัวเธอได้
ในชั้นจับกุม น.ส.มณฑิรา หรือ “ใบเฟิร์น” ให้การรับสารภาพ โดยระบุ “หลังจบการศึกษา ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ มีการเปิดร้านทำเล็บ ใน จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพมาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี ในทางคดีตนเปิดร้านทำผม-เล็บ อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเห็นว่ามีรายได้ดี จึงได้มาร่วมลงทุนร่วมกัน ร้านกู๊ดคัด โดยร่วมลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ
จากนั้นนำไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน แต่ช่วงหลังกำไรน้อยมาก และซื้อสินค้ามาขายไม่ค่อยได้ ทำไห้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมเนื่องจากหาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายไห้กับผู้ร่วมลงทุน ตอนนี้ตนพยายามหาซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่าถ้ามีเงิน จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสีย หลังจับกุมตัว เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา " ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมนำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ และจะมีการขยายผลการจับกุม ซึ่งจากข้อมูลที่ได้วิธีการที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวงนั้น เริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่รถหรู หรือดาราผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ จากนั้นการหลอกลวงจึงทำได้ไม่ยากนัก จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนยุคใหม่ว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง เพราะในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากโปรไฟล์ในโลกออนไลน์นั้น ยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ทางด้านการลงทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ
ส่วนเหล่ามิจฉาชีพทางออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง”
ลำดับเหตุการณ์ “ใบเฟิร์น” เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 66 นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.กัญญ์วราพัชร อายุ 28 ปี เข้าพบ ร.ต.อ.ธนากร แก่นอินทร์ รอง.สว.(สอบสวน) กก.1.บก.ป. เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว “ใบเฟิร์น” เน็ตไอดอลสาวชื่อดังรายหนึ่ง หลังหลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนเปิดร้านทำเล็บ แชร์ออมเงินออนไลน์ อ้างผลตอบแทนสูง แต่กลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อกว่า 40 คนสูญเงินรวมกว่าสิบล้านบาท
น.ส.กัญญ์วราพัชร กล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้เห็น “ใบเฟิร์น” โพสต์ข้อความตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆชักชวนร่วมลงทุนธุรกิจร้านทำเล็บ อ้างผลตอบแทนสูงร้อยละ 4 ของเงินลงทุน ซึ่งเห็นว่าใบเฟิร์นเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังเคยออกรายการร้องเพลง โพสต์รูปคู่ดารา รถหรู ดูน่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อนำเงินร่วมลงทุน 2 แสนบาท แต่สุดท้ายพอถึงกำหนดกลับไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งเมื่อทวงถามเงินลงทุนกลับคืนก็ถูกบ่ายเบี่ยงอ้างติดปัญหาต่างๆก่อนจะตัดขาดการติดต่อไปในที่สุด
“มารู้ภายหลังว่าธุรกิจดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก เข้าแจ้งความตำรวจท้องที่ จ.เชียงใหม่ จนมีการออกหมายจับ ที่ผ่านมามีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในลักษณะนี้กว่า 40 ราย สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท วันนี้จึงอยากให้ทางกองปราบช่วยติดตามจับกุมตัวเพราะปัจจุบันเจ้าตัวยังคงใช้ชีวิตหรูหรา บินไปกลับเชียงใหม่ - กรุงเทพเหมือนคนทั่วไป ไม่เกรงกลัวกฎหมาย”
ขณะที่ นางฐิติรัตน์ อายุ 30 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ได้รับการชักชวนจาก “ใบเฟิร์น” ให้นำเงินมาร่วมเล่นแชร์ออมเงิน ระยะสั้น 20 วัน ให้ผลตอบแทนสูงร้อยละ 8 ของเงินลงทุน เห็นว่าเป็นเน็ตไอดอลชื่อดัง ประกอบกับมีการกล่าวอ้างถึงธุรกิจร้านทำเล็บ ทำผม ดูน่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อร่วมลงทุนไปจำนวน 8 หมื่นบาทแต่พอถึงกำหนดกลับไม่ได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง ก่อนจะตัดขาดการติดต่อหนีหายไปในที่สุด ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนกำลังตั้งครรภ์ต้องใช้เงิน
ด้านนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมของ น.ส.ใบเฟิร์น จะเห็นว่าใช้ความเป็นเน็ตไอดอล มีชื่อเสียง สร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนผู้คนให้นำเงินมาร่วมลงทุน ทั้งธุรกิจร้านทำเล็บ หรือ ออมเงิน อ้างผลตอบแทนสูงเป็นแรงจูงใจ เพื่อให้คนอยากร่วมลงทุน ถือเป็นภัยต่อสังคม ประกอบกับทราบว่าปัจจุบันเจ้าตัวมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ติดตัวอยู่จึงอยากให้ทางตำรวจสอบสวนกลาง ช่วยติดตามจับกุมตัวเพื่อที่จะได้ไม่มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก