ออกหมายจับ '2 ผู้คุม' ปล่อย 'เสี่ยแป้ง' หนี กรมคุกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ศาลเมืองคอนอนุมัติออกหมายจับ '2 ผู้คุม' ฐานปล่อย 'เสี่ยแป้ง' หลบหนี ด้าน 'กรมราชทัณฑ์' สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ความคืบหน้าคดี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ 'เสี่ยแป้ง' อายุ 37 ปี นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ต.ค.66 โดยมีลูกน้องและเจ้าหน้าที่บางคนให้ความช่วยเหลือ จนมีการออกหมายจับแล้วหลายรายนั้น ล่าสุดศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติออกหมายจับ 2 ผู้คุมแล้ว ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่
โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.จารุ เพ็ชรปาน รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ นายวรินทร (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี และนายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้คุมนักโทษเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมตัวนายเชาวลิต หรือ 'เสี่ยแป้ง นาโหนด' ผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง หมายเลข อ.1861/2565 ลงวันที่ 30 พ.ย.65 พิพากษาจำคุก 20 ปี 6 เดือน ซึ่งถูกส่งตัวมารักษาที่ตึกอายุรกรรมชาย 6 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และได้หลบหนีไปช่วงเวลา 00.06 น.ของวันที่ 22 ต.ค.66
โดยให้ดำเนินคดี 2 ผู้คุมในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บัญญัติว่า 'ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งหน้าที่ควบคุมผู้ที่ต้องคุมขังตามอำนาจศาล ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาของศาลให้ลงโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป รวมทั้งกระทำการใดๆให้ผู้ที่อยู่ระหว่างคุมขังนั้นหลุดพ้นจากการคุมขังไป'
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ผู้คุม 2 ราย คือ นายวรินทร และนายเอกลักษณ์ ที่ถูกออกหมายจับ หลังทำหน้าที่เฝ้าควบคุม นายเชาวลิต หรือ เสี่ยแป้ง แต่ละเลยหน้าที่จนทำให้นักโทษหลบหนีออกจากโรงพยาบาลไปได้ว่า
เจ้าหน้าที่ผู้คุมทั้ง 2 รายอยู่ในเวรผลัดบ่ายช่วงคืนเกิดเหตุ ขณะนี้ถูกสั่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ส่วนกลาง คือ กรมราชทัณฑ์จังหวัดนนทบุรี เมื่อถูกออกหมายจับมาก็ต้องเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้สั่งให้ทั้งสองออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากเป็นคดีอาญา
โฆษกราชทัณฑ์ เผยต่อว่า ส่วนการตรวจสอบเรื่องวินัยร้ายแรงของคณะกรรมการราชทัณฑ์จะมีคำสั่งในเร็วๆนี้ โดยคำให้การของผู้คุมทั้งสองยืนยันกับคณะกรรมการฯว่าไม่มีส่วนช่วยเหลือเอื้อประโยชน์หรือร่วมวางแผนหลบหนี พร้อมชี้แจงว่าช่วงที่ 'เสี่ยแป้ง' ไขโซ่ตรวนกุญแจข้อเท้าในห้องพักผู้ป่วยนั้น ผู้คุมทั้งสองได้ลงมาที่ข้างล่างของอาคาร เพราะมีตู้คอนเทนเนอร์ของเรือนจำฯเป็นที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่ระหว่างปฏิบัติงาน แต่ก็มีการเดินตรวจเป็นระยะๆ
อย่างไรแล้วตามระเบียบราชทัณฑ์ต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา หากคนหนึ่งไม่อยู่ แต่อีกคนจะต้องอยู่ ถือเป็นการปล่อยปละละเลย รวมทั้งบางโรงพยาบาลห้องผู้ป่วยมีทางเข้าออกหลายทาง เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูอีกทางหนึ่ง แต่ผู้ต้องขังอาจไปใช้ช่องทางหลบหนีอีกทางหนึ่งก็เป็นได้
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯยังไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้คุมทั้งสองจะช่วยเสี่ยแป้งในการหลบหนี ดังนั้นจึงทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเท่านั้น ทราบว่าได้มีการนำเรียนไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณี น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม คนเฝ้าเสี่ยแป้ง ได้ตรวจสอบรายชื่อผู้อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว ไม่พบชื่อของ น.ส.วิลาวัลย์ แต่อย่างใด จึงต้องยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีการตรวจสอบบุคคลเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง และไม่มีการทำสมุดบันทึกเข้าเยี่ยม อีกประเด็นข้อสงสัยที่ว่าเพิ่งมีการนำตรวนข้อเท้าของกลางที่เสี่ยแป้งพยายามสะเดาะไปมอบให้กับตำรวจ เนื่องจากราชทัณฑ์ได้รับแจ้งมาว่าต้องมอบของกลางดังกล่าว ทางเรือนจำฯก็ต้องส่งให้อยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่งได้รับแจ้งว่าเจ้าที่ตำรวจต้องการจึงนำไปมอบให้เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.66)