เอาจริง! กทม. จับมือ กรมทางหลวง ใช้เทคโนโลยีสุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุก
กทม. นำเทศกิจ กทม. จับมือเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ใช้เทคโนโลยีสุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุกวิ่งในเมืองกรุงฯ และในอนาคตอาจมีการตรวจควันดำในการสุ่มตรวจรูปแบบนี้ไปพร้อมกันด้วย
วันนี้ (13 พ.ย. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ลงพื้นที่ถนนใหญ่แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เทศกิจ กทม. เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา และเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ที่ใช้เทคโนโลยีสุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุกที่ขับอยู่ในกรุงเทพฯ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้เทศกิจ กทม. จะใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเขียว ส่วนเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีส้ม ซึ่งเทศกิจ กทม. ยังไม่มีประสบการณ์โดยตรงในด้านนี้ จึงต้องอาศัยเจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวงเป็นพี่เลี้ยงก่อน โดยใช้เทคโนโลยีชั่งน้ำหนักซึ่งเป็นรูปแบบเพลทวางไว้กับพื้นถนนแล้วให้ล้อของรถบรรทุกขึ้นมาชั่งบนเพลทที่ใช้พื้นที่และเวลาไม่มาก พอรถบรรทุกขับนำล้อมาวางบนเพลทแล้วคอมพิวเตอร์จะคำนวณน้ำหนักแล้วพิมพ์ออกมา ก็จะได้รับทราบถึงน้ำหนักของรถบรรทุก
โดยรถบรรทุกพ่วง 5 เพลา น้ำหนักต้องไม่เกิน 45 ตัน รถบรรทุก 10 ล้อ น้ำหนักต้องไม่เกิน 25 ตัน ส่วนรถบรรทุก 6 ล้อจะต้องน้ำหนักไม่เกิน 15 ตัน หากพบว่าน้ำหนักเกินจะนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งวันนี้ไม่ใช่ด่านแบบถาวรแต่เป็นการสุ่มตรวจ โดยเทคโนโลยีนี้เน้นถึงความโปร่งใสเป็นหลัก ซึ่งจะมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้ทุกครั้งเป็นหลักฐานทางคดีอาญา ซึ่ง กทม. ตั้งเป้าจะสุ่มตรวจแบบนี้ทุกวัน และจะเป็นการฝึกเจ้าหน้าที่ กทม. ให้มีประสบการณ์ไปด้วยพร้อมกัน
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลถนนในกรุงเทพฯ รวมถึงความปลอดภัยต่างๆ บนท้องถนน เนื่องจากรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินจะทำให้การหยุดล้อกระทันหันเป็นเรื่องที่ยาก และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยการตั้งด่านสุ่มตรวจแบบนี้จะเลือกตั้งในจุดที่ไม่กีดขวางการจราจรและไม่ทำให้การจราจรติดขัด รวมถึงคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้ถนนเป็นสำคัญ
ซึ่ง กทม. จะทำหน้าที่เต็มที่เนื่องจากถนนในกรุงเทพฯ การจับกุมเป็นอำนาจหน้าที่ของ กทม. โดยในขณะนี้จะมีด่านสุ่มตรวจรูปแบบนี้กระจายอยู่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ เนื่องจาก กทม.ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และในอนาคตอาจมีการตรวจควันดำในการสุ่มตรวจรูปแบบนี้ไปพร้อมกันด้วย