สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 พ.ย. 66

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 พ.ย. 66

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 พ.ย. 66 ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 9 แห่ง

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สรุปสถานการณ์น้ำ ภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 พ.ย. 66 โดย สภาพอากาศวันนี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้ภาคใต้ตอนล่าง(ฝั่งตะวันออก) ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

คาดการณ์ วันที่ 26–30 พ.ย. 66 ลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 25.พ.ย. 66 น้อยกว่า ปี 65 จำนวน 3,882 ล้าน ลบ.ม. สรุปได้ดังนี้

  • ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 63,966 ล้าน ลบ.ม. (78%)
  • ปริมาณน้ำใช้การ 39,766 ล้าน ลบ.ม. (69%)

เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่

ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 9 แห่ง

  • ภาคเหนือ : แม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วคอหมา แม่มอก แควน้อยบำรุงแดน และบึงบอระเพ็ด
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อุบลรัตน์ และลำปาว 
  • ภาคกลาง : ป่าสักชลสิทธิ์
  • ภาคตะวันออก : หนองปลาไหล

ระดับน้ำเกินระดับควบคุมต่ำสุด 4 แห่ง

  • ภาคเหนือ: สิริกิติ์ และทับเสลา
  • ภาคกลาง : กระเสียว
  • ภาคตะวันออก : คลองสียัด 

โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการดังนี้ 

1) วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด  

2) ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง

3) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่

พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วง 1-3 วัน บริเวณ ภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง สตูล พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

 

ประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2566 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงวันที่ 25 – 30 พ.ย. 66 ดังนี้

1. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก บริเวณ จ.พัทลุง (อ.เมืองพัทลุง กงหรา เขาชัยสน ตะโหมด บางแก้ว ปากพะยูน และป่าบอน) จ.สงขลา (อ.เมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร จะนะ ควนเนียง หาดใหญ่ เทพา นาทวี นาหม่อม บางกล่ำ รัตภูมิ และสะบ้าย้อย) จ.ปัตตานี (อ.เมืองปัตตานี กะพ้อ โคกโพธิ์ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ มายอ แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี และหนองจิก) จ.ยะลา (อ.เมืองยะลา และรามัน) จ.นราธิวาส (อ.เมืองนราธิวาส จะแนะ เจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ ศรีสาคร สุคิริน สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี) 
 

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำเขื่อนบางลาง จ.ยะลา 

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส

 

สทนช. นำคณะผู้แทนฝ่ายไทยเข้าร่วมประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 (Mekong River Commission: MRC) และการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ร่วมกับ คณะมนตรีจากประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชา 

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้ ประเทศสมาชิกได้ร่วมหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน การบริหารองค์กรของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และกำหนดแนวทางความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา รวมถึงหุ้นส่วนการพัฒนา และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ในนามประเทศไทยได้แสดงความชื่นชมการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ที่มุ่งดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศทางน้ำ