ร้องวัดดังขึ้นค่าเช่าที่ธรณีสงฆ์มหาโหด จาก 1,500 เป็น 17,000 บาทต่อเดือน
พ่อค้าแม่ค้าร้องขอความเป็นธรรม! 'วัดดังเชียงใหม่' ขึ้นค่าเช่าที่ธรณีสงฆ์มหาโหด จากเดือนละ 1,500 เป็นเดือนละ 17,000 บาท พ้อเจ้าอาวาสไม่ยอมคุย ระบุหากไม่จ่ายก็ให้ย้ายออกไป
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และร้านชุดนักเรียน ย่านถนนมณีนพรัตน์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้เช่าที่ดินของธรณีสงฆ์จากวัดแห่งหนึ่ง ย่านถนนมณีนพรัตน์ มานานกว่า 40 ปี พร้อมใจขึ้นป้ายขอความเป็นธรรม หลังพื้นที่เช่าจะหมดสัญญาและทางวัดจะขึ้นค่าเช่าอีก
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ่ายค่าเช่าในการเช่าที่ธรณีสงฆ์ให้กับทางวัด เดือนละ 1,500 บาท เป็นเวลา 15 ปี 3 เดือน ต่อสัญญา 1 ครั้ง แต่ต้องจ่ายค่ากินเปล่า 500,000 บาท ทุก 15 ปี ที่ผ่านมาจ่ายค่ากินเปล่าไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งมีร้านค้าทั้งหมด 23 ร้าน และกำลังจะหมดสัญญาเช่าภายในสิ้นเดือนนี้จำนวน 8 ร้าน และที่เหลือจะหมดสัญญาในปีหน้า แต่ทางเจ้าอาวาสวัดขอขึ้นค่าเช่า จากที่เคยเช่าเดือนละ 1,500 บาท ขึ้นค่าเช่าไปที่เดือนละ 17,000 บาท ทำให้ร้านค้าต่างๆ พากันเดือดร้อน และได้รับผลกระทบ
แม้จะมีความพยายามเข้าไปเจรจาเพื่อขอความเมตตาจากทางเจ้าอาวาส แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับขอเสนอ และไม่ยอมพูดคุยด้วย พร้อมยังบอกด้วยว่าหากไม่จ่ายตามที่ระบุก็ให้ย้ายออกไป ซึ่งแต่ละครอบครัวก็เช่าที่ทำมาหากินมานาน มีการสร้างอาคารพาณิชย์แล้วจะให้ย้ายไปอยู่ที่ไหน และเห็นว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งทางวัดเองก็เป็นวัดแห่งหนึ่งที่มีผู้คนศรัทธาเข้ามาทำบุญเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ทางวัดยังอ้างว่าไม่มีรายได้ จำเป็นต้องขึ้นราคาค่าเช่า แต่ทางร้านค้าเห็นว่าจำนวนเงินสูงเกินไป และปัจจุบันเศรษฐกิจตกต่ำ ค้าขายก็ไม่ค่อยดี
หนึ่งในเจ้าของร้านค้าที่เช่าที่ธรณีสงฆ์จากวัดดังกล่าว เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนเช่าที่นี้มานานเกือบ 50 ปีแล้ว เปิดร้านค้าขาย โดยทำสัญญาเช่ากับทางวัดตั้งแต่ปี 2518 จ่ายเงินกินเปล่า 15 ปี ครั้งละ 500,000 บาท ตอนนี้จ่าย มาแล้ว 2 ครั้ง ปกติค่าเช่าเดือนละ 1,500 บาท และล่าสุดทางวัดมาขอปรับขึ้นค่าเช่าหลายเท่า เป็น 17,000 บาทต่อเดือน ตนเคยขอเจรจากับเจ้าอาวาสมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ยอมเจรจา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำคณะสงฆ์ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาหาทางช่วยเหลือด้วย เพราะว่าบางร้านสัญญาก็จะหมดในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้แล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว เพื่อเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางเจ้าอาวาส แต่พบเพียงพระสงฆ์และพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในบริเวณวัด โดยมีการอ้างว่าเจ้าอาวาสไม่สบายและชราภาพมากแล้วจึงไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าพบ