ขบวนการหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า เหยื่อหลงกลร่วมลงทุน เสียหาย 12 ล้าน

ขบวนการหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า เหยื่อหลงกลร่วมลงทุน เสียหาย 12 ล้าน

ตำรวจจับขบวนการหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า เหยื่อหลงกลร่วมลงทุน เสียหาย 12 ล้าน

กรณีหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า เหยื่อหลงกลร่วมลงทุน สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.4 ว่าได้พบโฆษณาในเฟซบุ๊กไลฟ์ เชิญชวนหารายได้เสริมทางออนไลน์โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าก็มีรายได้ เพียงแค่เราขยัน ผู้เสียหายสนใจจึงได้กดลิงก์เข้าไปในไลน์

หลอกลงทุนทำเป็นขบวนการ

มีแอดมินได้แนะนำว่าเป็นบริษัทรับจ้างโฆษณาออนไลน์ จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย งานหลักของบริษัทคือการกดไลก์ให้เพจร้านค้าในเฟซบุ๊ก และดันสินค้าในแพลตฟอร์ม shopee เพื่อเพิ่มยอดวิวให้กับทางร้านค้า สามารถทำเสริมจากงานประจำในเวลาว่างได้

จากนั้นแอดมินก็ได้สอนงานเพื่อเข้าไปทำรายได้ให้กับผู้เสียหาย โดยการดึงกลุ่มในไลน์แนะนำเพื่อให้ทำกิจกรรมตามที่ทีมงานส่งให้ เพื่อจะได้รับค่าตอบแทน ครั้งละ 10 – 50 บาท ช่วงแรกๆ เมื่อทำกิจกรรมแล้ว ผู้เสียหายก็ได้ค่าตอบแทนตลอด จนผู้เสียหายหลงกลว่าได้ค่าตอบแทนจริงๆ

ช่วงแรกได้เงิน ช่วงหลังโกง

หลังจากนั้นกลุ่มดังกล่าวมีการชวนให้ผู้เสียหายลงทุน ช่วงแรกๆ ก็ได้ผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก และชวนให้ลงทุนเป็นเงินจำนวนมากขึ้น ซึ่งผู้เสียหายก็หลงเชื่อโอนเงินลงทุน จำนวนหลายครั้ง ซึ่งมียอดทั้งหมดกว่า 12 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับผลตอบแทน จึงได้มาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มดังกล่าว

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 มอบหมายสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ให้ดำเนินการสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายศาลมาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด

ลุยขบวนการหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 นำโดย พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเขตรัฐฯ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี ได้มีส่วนในการกระทำผิดดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลอาญาออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4, ร.ต.อ.เปรมประชา อุตมา รอง สว.กก.2 บก.สอท.4 ได้ติดตามจับกุมนายเขตรัฐฯ ได้ที่บริเวณหน้าห้องพักในพื้นที่เมืองทองธานี

ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

ขบวนการหลอกกระตุ้นยอดขายสินค้า เหยื่อหลงกลร่วมลงทุน เสียหาย 12 ล้าน

และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.4 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบนายเขตรัฐฯ ยังพบว่ามีหมายจับของ บก.สอท.3 ในข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ” อีก 1 หมายจับ

สอบถามคำให้การเบื้องต้น นายเขตรัฐฯ ให้การว่า เมื่อประมาณปี 2565 ได้มีเพื่อนมาขอให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคารให้ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทจึงเปิดบัญชีให้ โดยไม่ทราบเลยว่าจะนำบัญชีธนาคารของตนเองไปทำอะไร

และเมื่อประมาณปลายปี 2566 ตนเองได้ไปสมัครทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริษัทหนึ่ง และบริษัทดังกล่าวให้ตนเองไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้เงืนเดือนเข้าบัญชี แต่ไม่สามารถเปิดบัญชีได้ เนื่องจากทางธนาคารแจ้งว่าให้มาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากมีชื่อในบัญชีแก๊งมิจฉาชีพ จึงเกิดความกลัวจึงไม่เปิดบัญชี และไม่กล้าติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 ตนเองได้ถูกจับกุมตัวและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตำรวจไซเบอร์ ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่าการรับจ้างเปิดบัญชีหรือยินยอมเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายซึ่งมีโทษปรับและจำคุก

ซึ่งการเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นที่รู้จักและไม่รู้จัก บุคคลที่ดังกล่าวอาจจะนำบัญชีไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปหลอกบุคคลอื่นให้โอนเงินให้ซึ่งก่อความเดือนร้อนให้ประชาชนทั่วไปอย่างมากในปัจจุบัน จึงขอเตือนที่น้องประชาชนว่าอย่าเห็นแก่เงินเล็กน้อยที่กลุ่มมิจฉาชีพจ้างให้เปิดบัญชีให้ เพราะถ้าท่านเปิดบัญชีให้กลุ่มดังกล่าวท่านเองอาจจะต้องติดคุกได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย