แถลงผลสอบคกก. ชี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ตามแนวศาลออกหมายจับ เชื่อหลักฐาน
คณะกรรมการตรวจสอบ 2 บิ๊กตร. แถลง พบข้อมูล 'บิ๊กโจ๊ก' ตามแนวศาลออกหมายจับ ส่วนกรณี 'บิ๊กต่อ' เรียก 'ทนายตั้ม' แจง 10 เม.ย.นี้
วันนี้ (5 เมษายน 2567) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งของบุคลากรในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยแถลงความคืบหน้าผลการตรวจสอบครั้งที่ 1 ว่า ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่าย 'บิ๊กโจ๊ก'พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และฝ่ายที่กล่าวหา 'บิ๊กต่อ'พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เข้ามาสอบถามเกือบ 30 ราย เช่น พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ , พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย , พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน และทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าให้ข้อมูล และให้ส่งเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ พร้อมจะให้ฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งข้อมูลเอกสารที่เหลือทั้งหมดมาให้คณะกรรมการภายในวันที่ 20 เมษายน 2567
พล.ต.อ.วินัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกือบ 30 คน เบื้องต้นทางคณะกรรมการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับศาล ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนร่วมในการกระทำผิดจริง? โดยเป็นการฟอกเงิน? ที่พบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์มายังบัญชีม้าและเชื่อมโยงมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับรู้และได้รับประโยชน์บางส่วนจากการกระทำดังกล่าว? แต่ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก
'การตรวจสอบของคณะกรรมการนั้นมีผลออกมาก่อนที่ศาลจะออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยหากข้อมูลฝั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ก็จะทยอยส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฝั่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากหากไม่ทันกำหนดภายใน 60 วัน สามารถขยายระยะเวลาต่อไปได้ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย'
พล.ต.อ.วินัย กล่าวต่ออีกว่า ส่วนที่มองว่าการตรวจสอบฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเอง ไม่ได้นำข้อมูลจากพนักงานสอบสวนมาอ้างอิง
สำหรับกระบวนการตรวจสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั้น ในวันที่ 10 เมษายน 2567 เวลา 10.30 น. จะเชิญ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เข้ามาให้ข้อมูลที่บ้านมนังคศิลา หลังจากที่คณะทำงานได้เชิญมาหลายครั้งแต่ทนายตั้มอ้างว่าติดภารกิจเดินสายร้องเรียน ซึ่งจะต้องสอบถามทนายตั้มเกี่ยวกับที่มาของเอกสารที่ได้นำไปร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภรรยา ที่ สน.เตาปูน รวมทั้งที่มาของพยานบุคคล และเส้นทางการเงินที่อ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา โดยคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจตรวจสอบทั้งข้าราชการและบุคคลทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในชั้นศาลในอนาคต
ส่วนหากภายหลังเกิดกรณีศาลมีคำพิพากษาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งขัดกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการจะถือเป็นปัญหาหรือไม่นั้น พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต เพราะแม้ว่าศาลจะชี้ว่าไม่ผิดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะไม่ผิด เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน หากอนาคต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะฟ้องกลับคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่กังวลและรู้สึกยินดี