ข่าวดี รมว.แรงงาน ชี้เป้าแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ
ข่าวดี! รมว.แรงงาน ชี้เป้าแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 0.50% ช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ หมดเขตยื่นกู้ 31 พฤษภาคม 2567 นี้
วันที่ 13 เมษายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) เผยข่าวดี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เตรียมเงิน 80 ล้านบาท เชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ กู้เงินเป็นทุนช่วย 'ลูกจ้าง' ปลดหนี้นอกระบบ พัฒนาคุณภาพชีวิต
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงานได้ร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับลูกจ้างผ่านมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือลูกจ้างและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการ กู้เงินกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปเป็นแหล่งเงินทุนให้ลูกจ้างกู้ยืมโดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์/สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เหมาะสมให้ลูกจ้างสามารถนำไปปลดเปลื้องหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ ตลอดจนช่วยให้ลูกจ้างและครอบครัวมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือกรณีที่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้
โดยในปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินสำหรับให้กู้ จำนวน 80 ล้านบาท แบ่งเป็น การให้บริการเงินกู้ในกรณีปกติ ซึ่งให้กู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 - 3.00 ต่อปี การให้บริการเงินกู้ตามโครงการเงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งให้บริการแก่สถานประกอบกิจการที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกินสหกรณ์ละ 20 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2.00 ต่อปี
และโครงการพิเศษ 'โครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ' มีวงเงินกู้ 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียงร้อยละ 0.50 - 1.50 ต่อปี สำหรับโครงการพิเศษนี้มีระยะเวลาในการยื่นคำขอกู้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ เท่านั้น
ด้าน นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2538 ซึ่งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ได้ให้บริการเงินกู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการแล้ว จำนวน 338 แห่ง สัญญา เป็นเงิน 2,669,270,000 บาท ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 269,478 คน
ทั้งนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีความประสงค์จะกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ส่วนกลางสามารถยื่นคำขอได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชั้น 3 และส่วนภูมิภาคยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสามารถยื่นกู้ผ่านระบบ e-service ได้ที่ https://labourfund.labour.go.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02 660 2180 หรือ Facebook กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน E-mail : [email protected]