สสจ.อุดรฯ สั่ง อาจารย์-น้องหญิง หยุดรักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญ ฝ่าฝืนเจอดำเนินคดี

สสจ.อุดรฯ สั่ง อาจารย์-น้องหญิง หยุดรักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญ ฝ่าฝืนเจอดำเนินคดี

สสจ.อุดรฯ ส่งหนังสือด่วน! สั่งห้าม อาจารย์-น้องหญิง เปิดแดนธรรมสุขาววะดีรักษาโรค เตือนฝ่าฝืนเจอดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเปิดสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต-ไร้ใบประกอบโรคศิลป์

วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี (สสจ.อุดรธานี) โดยนายสันติ ศรีนิล ทันตแพทย์ (ด้านทันตสาธารณสุข) ระดับเชี่ยวชาญ ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงเจ้าของสถานที่ 'แดนธรรมสุขาววะดี' เรื่องแจ้งให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ลงนามเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา

 

 

ข้อความในหนังสือระบุว่า 'ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชน เกี่ยวกับการรักษาโรคทางเลือก ณ แดนธรรมสุขาววะดี โดย 'น้องหญิง อาจารย์ และพี่โดม' เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญให้แก่ประชาชนทั่วไป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สถานที่และผู้ที่ทำการรักษาดังกล่าวยังไม่มีการขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับการรักษาโรคใดๆ ทั้งนี้ กรณีมีการประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต หากฝ่าฝืนเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

อีกทั้งกรณีมีการประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาตพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประกอบโรคศิลปะ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต หากฝ่าฝืนเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ในการนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และให้เป็นไปตามกฎหมาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี จึงขอให้ท่านหยุดกิจกรรมเกี่ยวกับการรักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไปนับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากท่านไม่ดำเนินการตาม จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

 

ด้าน นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวที่มีผู้อ้างตนว่าเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ใช้ศาสตร์ หรือวิชา หรือพลังงานบางอย่างในการรักษาผู้ป่วย ทำให้มีผู้หลงเชื่อและเข้ารับการรักษาจำนวนมาก ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการใช้คำว่า 'รักษา' ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ดังนั้น ผู้ที่ใช้อิทธิฤทธิ์ ใช้ญาณต่างๆ ทั้งหลาย ต้องหยุด ถ้าไม่หยุด 'จับ'

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้มีคนแจ้งข้อมูลถึงผู้ที่อ้างตัวว่ารักษาผู้ป่วยได้ เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ตลอด แต่วันนี้ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่สั่งการให้ทำงานเชิงรุก ซึ่งตนก็จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นไปตามกฎหมาย พิสูจน์ได้ ไม่ใช่การอุปโลกน์

 

ส่วนกรณีอ้างตัวว่ามีอิทธิฤทธิ์ มีอภินิหาร ไปออกรายการทีวี จะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น นายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า ตรงส่วนนั้นถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราเข้าไปดำเนินการอยู่แล้ว แต่ตามมาตรการก็ต้องเตือนให้หยุดก่อน และต้องเข้าไปดูว่ามีผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งต้องเตือนไว้ว่าการที่ออกมาระบุว่าใช้วิธีใดๆ สามารถรักษาต่างๆ ได้นั้น บางครั้งยังไม่มีการพิสูจน์ทราบ ซึ่งต้องไปขอขึ้นทะเบียนในการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ทางเลือก หมอพื้นบ้าน หรือแพทย์แผนไทย ซึ่งหากเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดก็สามารถไปประสานขอรับการตรวจพิสูจน์ และขึ้นทะเบียนกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครก็มาที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

 

'ถ้าเมื่อไหร่ที่ทำการรักษา ถึงจะบอกว่าไม่ได้เก็บเงิน ไม่ได้สัมผัสตัว ไม่ได้ให้ยา แต่คุณยืนยันว่าได้ทำการรักษาแล้ว ก็เข้าองค์ประกอบของ พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะแล้ว นอกจากนั้นยังมีสถานที่ด้วย ก็จะเข้ากับ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งทั้งสองจะต้องได้รับอนุญาตก่อน กรณีที่ไปออกรายการ ซึ่งผมก็ไปออกรายการด้วยนั้น ก็ยืนยันว่าผิด มีโทษจำคุก 5 ปี และยังไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะอีก ซึ่งมีโทษรวมๆ กันแล้ว 7-8 ปี ดังนั้นหากคิดว่าตัวเองรักษาโรคได้จริงก็ให้ไปขึ้นทะเบียน อย่างหมอพื้นบ้านที่ขึ้นทะเบียนยังต้องเก็บสถิติการรักษาอย่างน้อย 10 ปี ที่มาที่ไปของศาสตร์การรักษา แต่นี่คุณไม่มีที่มาที่ไป คิดเอง อุปโลกน์ขึ้นมา คุณมีความเชื่อแบบนี้ไม่ได้ เพราะส่งผลต่อผู้ป่วยในการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน และยังมีโอกาสหายจากโรคได้ แต่กลับถูกตัดกระบวนการนี้ไปโดยที่คุณก็ไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ แล้วถ้าหากผู้ป่วยเสียชีวิตใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ' นายกองตรีธนกฤต กล่าว

 

สสจ.อุดรฯ สั่ง อาจารย์-น้องหญิง หยุดรักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญ ฝ่าฝืนเจอดำเนินคดี