ฮั้วประมูล

ในปี 2542 มีการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ออกใช้บังคับ เรียกกันทั่วไปว่ากฎหมายฮั้วประมูล

 เหตุผลโดยสรุปคือ การจัดหาสินค้าและบริการของหน่วยงานของรัฐมีการสมยอมในการเสนอราคา มีการกระทำที่ทำให้มิได้มีการแข่งขันกันเสนอประโยชน์สูงสุดให้แก่หน่วยงานของรัฐอย่างแท้จริง หรือเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ 

นอกจากนั้น บางกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็มีส่วนร่วม หรือสนับสนุนในการกระทำความผิด หรือละเว้นไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สมควรกำหนดให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิด เพื่อการปราบปรามการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งกำหนดกลไกเอาผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย

  สาระสำคัญของ พ.ร.บ.นี้โดยสรุป

  “การเสนอราคา” หมายความว่า การยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการซื้อ การจ้าง การแลกเปลี่ยน การเช่า การจำหน่ายทรัพย์สิน การได้รับสัมปทานหรือการได้รับสิทธิใดฯ

การกระทำที่ถือว่าเป็นความผิดและมีโทษจำคุกและปรับ  คือ

การฮั้วประมูล ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 4 คือ มีการตกลงร่วมกันในการประมูล เพื่อให้ผู้ใดผู้หนึ่งชนะประมูล โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นๆ ต่อหน่วยงานของรัฐ หรือเอาเปรียบหน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ จำคุกหนึ่งถึงสามปี ปรับ 50% ของวงเงินที่มีการเสนอสูงสุด 

ผู้ชักชวนให้ผู้อื่นร่วมตกลงกันในการกระทำความผิดข้างต้นเป็นความผิดและรับโทษเช่นเดียวกับผู้ฮั้วประมูล

- การให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้มีการฮั้วประมูล ตามที่บัญญัติในมาตรา 5 คือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นร่วมดำเนินการใดๆ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้ชนะการประมูล หรือจูงใจให้เสนอราคาสูงหรือต่ำเกินความจริง หรือไม่เข้าร่วมในการเสนอราคาหรือถอนการเสนอราคา จำคุกหนึ่งถึงห้าปี ปรับ 50% ของวงเงินที่มีการเสนอสูงสุด 

ผู้เรียก รับ หรือยอมรับเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อกระทำการตามความผิดข้างต้น ถือเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย

  - การข่มขู่ โดยใช้หรือจะใช้กำลังทำร้าย หรือขู่เข็ญด้วยประการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นยอมร่วมในการเสนอราคา หรือไม่เข้าร่วมในการเสนอราคา หรือถอนการเสนอราคา ผู้ข่มขู่มีความผิดตามมาตรา 6 จำคุกห้าถึงสิบปี ปรับ 50% ของวงเงินที่มีการเสนอสูงสุด

  - การหลอกลวง หรือกระทำโดยวิธีอื่นใด ทำให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมเสนอราคา หรือมีการเสนอราคาโดยหลงผิด ผู้หลอกลวงมีความผิดตามมาตรา 7 จำคุกหนึ่งถึงห้าปี ปรับ 50% ของวงเงินที่มีการเสนอสูงสุด

  - การเสนอราคาต่ำหรือสูงกว่าความเป็นจริง ผู้ใดโดยทุจริตเสนอราคาโดยรู้อยู่ว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าปกติเห็นได้ชัด หรือเสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ เพื่อกีดกันการแข่งราคาอย่างเป็นธรรม เป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ เป็นความผิดตามมาตรา 8 จำคุกหนึ่งปีถึงสามปี ปรับ 50% ของวงเงินที่มีการเสนอสูงสุด

ความรับผิดของเจ้าหน้าที่

  - รู้ว่ามีการทำผิดแต่ไม่ยกเลิกการเสนอราคา เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ หรือการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคา รู้หรือมีพฤติการณ์ที่ควรรู้ว่าการเสนอราคาในครั้งใดมีการกระทำความผิดตามกฎหมายนี้แต่ไม่ยกเลิกการเสนอราคานั้น มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามมาตรา 10 จำคุกหนึ่งถึงสิบปี ปรับสองหมื่นถึงสองแสนบาท

ออกแบบหรือกำหนดเงื่อนไขเอื้อหรือกีดกัน เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ ออกแบบหรือกำหนดราคาหรือเงื่อนไข เพื่อมิให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อช่วยเหลือรายใดรายหนึ่งให้มีสิทธิทำสัญญา หรือกีดกันรายอื่น เป็นความผิดตามมาตรา 11 จำคุกห้าถึงยี่สิบปี ปรับหนึ่งแสนถึงสี่แสนบาท

การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ หรือกระทำการใดๆ เพื่อไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือเพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้เสนอราคารายหนึ่งรายใดได้มีสิทธิทำสัญญา มีความผิดกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามมาตรา 12 จำคุกห้าปีถึงยี่สิบปีหรือตลอดชีวิตปรับหนึ่งแสนถึงสี่แสนบาท

ความรับผิดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

- ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการหรืออนุกรรมการในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ หรือกระทำต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ให้จำต้องยอม หรือยอมรับการเสนอราคาที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายนี้ ถือว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 13 จำคุกห้าถึงยี่สิบปีหรือตลอดชีวิต ปรับหนึ่งแสนถึงสี่แสนบาท

  แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ลงโทษจำเลยที่มีความผิดตามกฎหมายฉบับนี้

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10237/2558  คดีนี้จำเลยมีทั้งข้าราชการส่วนท้องถิ่นและเอกชน ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ของเทศบาลตำบลสว่างดินแดน 16 โครงการ โดยร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐคนละ 2 ปี 6 เดือน ลงโทษจำเลยที่เป็นเอกชนฐานสนับสนุนการกระทำความผิดคนละ 1 ปี 8 เดือน

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15591/2558  คดีนี้เป็นการจัดจ้างขุดลอกคลองโครงการชลประทานสระบุรี จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ มีการดำเนินการปกปิดกีดกันมิให้ผู้รับเหมารายอื่นได้รับข้อมูลข่าวสารการจัดจ้างขุดลอกคลองชลประทาน เป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงรวม 7 กระทงๆ ละ 3 ปี 4 เดือนเป็นจำคุก 21 ปี 28 เดือน

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2565 การกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก. ม. จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งถูกฟ้องเป็นตัวการ แต่การจัดส่งประกาศประกวดราคาเพื่อเผยแพร่ หากไม่มีเจ้าหน้าที่เทศบาลสั่งการหรือร่วมรู้เห็น

จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นราษฎรย่อมไม่อาจร่วมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์และไปรับกลับคืนมาได้ แสดงว่ามีเจ้าหน้าที่เทศบาลร่วมกระทำความผิดด้วย มิใช่เป็นกรณีที่ไม่มีตัวการในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ย่อมเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าวได้ จำคุก 1 ปี 8 เดือน.