ฝนถล่มทั่วไทย! ปภ. เตือนด่วน 47 จังหวัด เฝ้าระวัง น้ำท่วม น้ำหลาก 14-17 ก.ค.นี้
ฝนถล่มทั่วไทย! ปภ. แจ้งเตือนด่วน 47 จังหวัด 'เหนือ-อีสาน-กลาง-ใต้' เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 14-17 ก.ค.นี้
พายุฝนถล่มทั่วไทย ฝนตกหนักหลายพื้นที่ ล่าสุดวันนี้ (13 กรกฎาคม 2567) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศแจ้งเตือน 47 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2567 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 1 (126/2567) ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2567 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2567 ดังนี้
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่
- แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ อ.ปาย อ.แม่สะเรียง)
- เชียงใหม่ (อ.จอมทอง อ.ฮอด)
- เชียงราย (อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง)
- พะเยา (อ.ปง อ.เชียงคำ อ.จุน อ.ภูกามยาว)
- แพร่ (อ.เมืองฯ อ.สอง อ.วังชิ้น อ.ลอง)
- น่าน (อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปัว อ.บ่อเกลือ อ.ทุ่งช้าง อ.เชียงกลาง)
- อุตรดิตถ์ (อ.ท่าปลา อ.น้ำปาด)
- ตาก (อ.เมืองฯ อ.อุ้มผาง อ.ท่าสองยาง อ.สามเงา)
- พิษณุโลก (อ.วังทอง อ.นครไทย อ.ชาติตระการ)
- เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ อ.หล่มเก่า อ.หล่มสัก อ.เขาค้อ อ.น้ำหนาว)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่
- เลย (อ.นาแห้ว อ.ด่านซ้าย อ.ภูเรือ อ.ท่าลี่ อ.เชียงคาน)
- หนองคาย (อ.เมืองฯ อ.สังคม)
- บึงกาฬ (อ.เมืองฯ อ.บุ่งคล้า อ.เซกา)
- หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา)
- อุดรธานี (อ.นายูง อ.น้ำโสม)
- สกลนคร (อ.เมืองฯ อ.ภูพาน อ.สว่างแดนดิน)
- นครพนม (อ.เมืองฯ อ.ศรีสงคราม)
- ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ อ.คอนสาร อ.หนองบัวแดง)
- ขอนแก่น (อ.เมืองฯ อ.ภูผาม่าน อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่)
- มหาสารคาม (อ.เมืองฯ)
- กาพสินธุ์ (อ.เมืองฯ อ.ยางตลาด)
- มุกดาหาร (อ.เมือง อ.ดงหลวง อ.หว้านใหญ่ อ.หนองสูง)
- ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ อ.เสลภูมิ)
- ยโสธร (อ.เมืองฯ อ.ป่าติ้ว อ.คำเขื่อนแก้ว)
- อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ อ.ชานุมาน)
- นครราชสีมา (อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว)
- บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ)
- สุรินทร์ (อ.เมืองฯ อ.ปราสาท)
- ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ อ.ยางชุมน้อย)
- อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ อ.บุณฑริก อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย อ.น้ำขุ่น อ.วารินชำราบ อ.เดชอุดม อ.นาเยีย)
ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่
- กาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ)
- นครนายก (อ.เมืองฯ อ.ปากพลี)
- ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี อ.นาดี)
- สระแก้ว (อ.เมืองฯ)
- ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต อ.ท่าตะเกียบ)
- ชลบุรี (อ.บ้านบึง อ.ศรีราชา อ.บางละมุง)
- ระยอง (อ.เมืองฯ อ.แกลง อ.บ้านค่าย)
- จันทบุรี (อ.เมืองฯ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.สอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน อ.มะขาม อ.ขลุง)
- ตราด (ทุกอำเภอ)
- ประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย)
ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่
- ชุมพร (อ.เมืองฯ อ.ท่าแซะ อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน)
- ระนอง (ทุกอำเภอ)
- พังงา (อ.เมืองฯ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- กระบี่ (อ.เมืองฯ อ.เหนื่อคลอง อ.อ่าวลึก อ.คลองท่อม อ.ปลายพระยา อ.เกาะลันตา อ.เขาพนม)
- ตรัง (อ.เมืองฯ อ.ปะเหลียน อ.นาโยง อ.กันตัง อ.ห้วยยอด อ.หาดสำราญ อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ)
- สตูล (อ.เมืองฯ อ.ควนโดน อ.ควนกาหลง อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง)
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่
- ชลบุรี (อ.เมืองฯ อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.บางละมุง อ.สัตหีบ)
- ระยอง (อ.เมืองฯ อ.บ้านฉาง อ.แกลง)
- จันทบุรี (อ.นายายอาม อ.ท่าใหม่ อ.แหลมสิงห์ อ.ขลุง)
- ตราด (อ.เมืองฯ อ.แหลมงอบ อ.คลองใหญ่ อ.เกาะช้าง อ.เกาะกูด)
ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่
- ระนอง (อ.เมืองฯ อ.สุขสำราญ อ.กะเปอร์)
- พังงา (อ.เกาะยาว อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า อ.คุระบุรี)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 47 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการติดตามปริมาณฝนที่ตกในแต่ละพื้นที่ พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก และพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูง รวมถึงเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักและมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับพื้นที่ที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้พิจารณาออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ให้ประสานกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ เพื่อแจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น และหากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงให้พิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยดังกล่าว สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ : ปภ.รับแจ้งเหตุ1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึง สายด่วนนิรภัย 1784 (ตลอด 24 ชั่วโมง) เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป