คนลาว ผุดแคมเปญ #เซฟเงินกีบ #Savelaokip แบนเงินบาท-ดอลลาร์ กำหนดเรทราคาเอง
คนลาว ผุดแคมเปญ เซฟเงินกีบลาว #Savelaokip รับแต่เงินกีบ ไม่รับเงินต่างประเทศ แบนเงินบาท ดอลลาร์ กำหนดเรทราคาเอง แก้เงินกีบอ่อนค่า ลดอัตราเงินเฟ้อ เงินลาว คนกังวลเสียโอกาสในประเทศลาว ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ นักท่องเที่ยวหาย สำคัญ ไทย-ลาว เพิ่งเปิดจองตั๋วรถไฟเที่ยวแรก
โลกออนไลน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวนมาก ผุดแคมเปญ #เซฟเงินกีบลาว #Savelaokip เซฟกีบลาว รับแต่เงินกีบ ไม่รับเงินต่างประเทศ หรือหากนักท่องเที่ยวต่างประเทศต้องการใช้จ่ายเงินก็สามารถใช้จ่ายได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขคือร้านค้าจะเป็นผู้กำหนดเรทราคาใหม่เอง หวังแก้ปัญหาเงินกีบอ่อนค่า ลดอัตราเงินเฟ้อ เงินลาว หยุดการอ่อนค่าเงินกีบที่เกิดอยู่ในขณะนี้
เป็นแบบนี้นี่เอง ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวลาว คงต้องพกเงินกีบติดตัวตามไปด้วย เพราะประเทศลาวถือได้ว่ากำลังประสบการปัญหาอย่างหนักหน่วงกับวิกฤติเงินกีบอ่อนค่า
โดยเป็นที่รู้กันอยู่ว่าตอนนี้พ่อค้าแม่ค้า ร้านค้าต่างๆ คนลาวบนโลกออนไลน์ต่างพากันออกมารณรงค์ ติดแฮชแท็ก #เซฟเงินกีบ โดยจะตั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินของร้านค้าที่ถูกกำหนดขึ้นมาเองอยู่ที่เรท 1 บาท เท่ากับ 250 กีบ ซึ่งอัตราแลกเงินจริงอยู่ที่ 1 บาท เท่ากับ 700 กีบ โดยประมาณ
แบนเงินบาทและดอลลาร์ประเทศลาวเสียประโยชน์อะไรบ้าง?
หลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่าการที่ประเทศลาวออกมารณรงค์ ติดแฮชแท็ก #เซฟเงินกีบ #Savelaokip ครั้งนี้ อาจจะทำให้ลาวเอานั้นเสียผลประโยชน์มากกว่า ประเด็นหลักคือการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และเสียโอกาสในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจการนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวหาย ขาดสภาพคล่องในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะผู้ที่ถือเงินบาท เงินดอลลาร์ เป็นต้น
"ไทย-ลาว" เพิ่งเปิดจองตั๋วรถไฟเที่ยวแรก เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)
ยิ่งในช่วงนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่งได้เปิดจองตั๋วรถไฟโดยสารระหว่างประเทศ "ไทย-สปป.ลาว" เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)
ซึ่งเป็นเที่ยวแรกในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 คนไทยหลายคนคงต้องกลับมาวางแผนเดินทางกันใหม่ ท่องเที่ยวจะสนุกไหม? ต้องค่อยห่วงหน้าพะวงหลังอยู่กับการใช้จ่ายในประเทศลาว
เปิดเส้นทางรถไฟโดยสารระหว่างประเทศ "ไทย-สปป.ลาว" เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)
- ขบวนแรก ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เปิดให้ผู้โดยสาร จองตั๋วโดยสารได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- เปิดให้บริการไป-กลับ จำนวน 2 ขบวน ประกอบด้วย รถธรรมดา ชั้น 3 (พัดลม) 152 ที่ รถนั่งปรับอากาศ ชั้น 2 จำนวน 64 ที่นั่ง และรถนั่งและนอนปรับอากาศ ชั้น 2 จำนวน 30 ที่นั่ง พ่วงไปกับขบวนรถเร็วที่ 133
- เปิดให้บริการเส้นทางอุดรธานี - เวียงจันทน์(คำสะหวาด) – อุดรธานี ไป-กลับ อีก 2 ขบวน รวมเป็น 4 ขบวน/วัน อีกด้วย
ประชาชนเส้นการเดินทาง "รถไฟไทย-สปป.ลาว" เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) เพิ่มเติม (คลิก)
"ลาว" ยอดหนี้ต่างประเทศปี 2566 พุ่งเกือบ 2 เท่าเป็น 950 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลลาวเลื่อนจ่ายหนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า ยอดหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตลอดปี 2566 เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าไปอยู่ที่ 950 ล้านดอลลาร์
จนรัฐบาลต้องขอเลื่อนการชำระหนี้ออกไปอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
กระทรวงการคลัง สปป.ลาว เปิดเผยยอดชำระหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2565 อยู่ที่เพียง 507 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ทั้งหมดทำให้รัฐบาลลาว ต้องขอเลื่อนการชำระเงินต้น และดอกเบี้ยจำนวน 670 ล้านดอลลาร์ของปี 2565 ออกไป
โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นภาระหนี้เพิ่มเติมจากภาระผูกพันประมาณ 1.22 พันล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลเลื่อนออกไปครั้งหนึ่งแล้วในปี 2563 ประเทศลาวจึงได้เจรจากับเจ้าหนี้รายสำคัญต่อไปเพื่อขอเลื่อน หรือต่ออายุ หนี้ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยยกระดับสภาพคล่องและลดแรงกดดันในการชำระหนี้
จากข้อมูลสิ้นปี 2566 สปป.ลาว มีหนี้สาธารณะ และหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันรวมทั้งสิ้น 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงเพียง 1% จากปีก่อนหน้า และคิดเป็น 108% ของจีดีพี ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลสปป.ลาว กว่าครึ่งหนึ่งซึ่งมีมูลค่า 1.05 พันล้านดอลลาร์ เป็นหนี้ของรัฐบาลจีน
ค่าเงินกีบอ่อนค่าเป็นกังวลในหลายประเทศ
หลายประเทศกังวลว่าสกุลเงินกีบของลาวจะเสื่อมค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยสปป.ลาว มีหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สูงถึง 59% ของปริมาณหนี้ต่างประเทศทั้งหมด และตลอดปี 2566 ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงไปแล้ว 31% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์
อ้างอิง-ภาพ : Beerdanay Nhouyvanisvong ,ສື່ລາວ ,Time to share laos