เปิดกระเป๋าเดินทาง 6 ผู้เสียชีวิต ไม่พบของต้องสังสัย ไม่พบ 'ยางู-ไซยาไนด์'

เปิดกระเป๋าเดินทาง 6 ผู้เสียชีวิต ไม่พบของต้องสังสัย ไม่พบ 'ยางู-ไซยาไนด์'

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย เปิดกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบ ของ 6 ผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม ไม่พบของต้องสังสัยเชื่อมโยงไปถึงการเสียชีวิต ไม่พบ "ยางู-ไซยาไนด์"

ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของชาวเวียดนาม 6 ศพ ในห้องพักโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ ล่าสุดวันนี้ตำรวจประสานเจ้าหน้าทีมสถานทูตและญาติผู้เสียชีวิต ร่วมเปิดกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบของผู้เสียชีวิตครั้งแรก 

พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้มีการเรียกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาเปิดกระเป๋าผู้ตายทั้ง 8 ใบ เพื่อตรวจสอบหลักฐานและนำไปเทียบเคียงกับลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ทราบ และยืนยันผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่าใครเป็นผู้ลงมือลอบวางยาตัวจริง

รวมทั้ง ยางูหมายเลข 7 หรือไซยาไนด์ ไม่พบอยู่ในกระเป๋า สิ่งของในกระเป๋าส่วนมากที่ตนพบจะเป็นเสื้อผ้าของผู้ตายที่มีการแพ็กไว้ ไม่พบเงินสด แต่ทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ครบทุกอย่าง

สำหรับ ยางูหมายเลย 7 ที่ผู้ตายมีการสั่งซื้อผ่านไกด์นั้น พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ายางูหมายเลข 7 ดังกล่าวมีลักษณะเป็นอย่างไร ไม่รู้จักและไม่เคยพบเห็น แต่เท่าที่ตนทราบข้อมูลมานั้น ยางูเป็นยาวิตามินที่คนเวียดนามนิยมกิน

ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำของทุกอย่างในกระเป๋าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนหลักฐานอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ยังไม่พบ เพราะผู้เสียชีวิตห่อบรรจุไว้เป็นอย่างดี

พล.ต.ท.อิทธิพล ระบุว่า ในวันนี้ยังมีการเรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติม ทั้งอดีตสามีของผู้ตายหมายเลข 2 (สัญชาติญี่ปุ่น) รวมถึงจะมีการเรียกพนักงานโรงแรม 2 ราย ที่เป็นคนเข้าไปเสิร์ฟอาหารมื้อสุดท้ายและชุดชา ก่อนจะพบศพทั้ง 6 ราย เพื่อที่จะซักถามในประเด็นเพิ่มเติมที่ตำรวจยังสงสัย
 

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่าจากการตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ขณะนี้ยังมีแค่กาน้ำชา ซองชา และถ้วยกาแฟ ทั้ง 6 ใบ ที่พบสารไซยาไนด์ ส่วนวัตถุพยานที่ตรวจเก็บได้จากสัมภาระของผู้เสียชีวิตรวมไปถึงยารักษาโรคทั่วไป ยังไม่พบว่ามีสารไซยาไนด์

ส่วนการตรวจสอบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอจากวัตถุพยาน ขณะนี้ยังรอรายงานผลอยู่ เพราะเป็นการตรวจโดยละเอียด รวมถึงต้องรอผลดีเอ็นเอจากนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นผู้ตรวจ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของวัตถุพยานด้วย จึงจะยืนยันได้ว่า วัตถุพยานชิ้นไหนตรงกับดีเอ็นเอของใครบ้าง

ส่วน ประเด็นเรื่องยางูหมายเลข 7 ที่พบเบาะแสจากคำให้การของไกด์ชาวเวียดนาม และมีรายงานจากชุดสอบสวนว่า ยางูหมายเลย 7 สั่งซื้อผ่านไกด์และชายที่ชื่อ "ไทเกอร์" จากการสอบสวนพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่เนื่องจากพฤติกรรมในการสั่งซื้อยาชนิดนี้มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 จึงต้องสืบสวนให้สิ้นสงสัย

ส่วนการสอบปากคำสามีชาวเวียดนามของผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 ที่เป็นนักธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น ที่เดินทางมาพบตำรวจเมื่อวานนี้ จ้าตัวให้การว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับภรรยาเลย เพราะช่วงเกิดเหตุ ตนเดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของภรรยา และไม่รู้ว่าภรรยาเป็นนายหน้าไปชักชวนกลุ่มผู้เสียชีวิตมาร่วมลงทุน