บุก! กวาดล้างแก๊งเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด 6 จังหวัด เงินหมุนเวียนร้อยล้าน

บุก! กวาดล้างแก๊งเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด 6 จังหวัด เงินหมุนเวียนร้อยล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง บุกไล่ล่า กวาดล้างเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด พื้นที่ 6 จังหวัด เงินหมุนเวียนร้อยล้าน

เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างบุกทลายเครือข่าย"แก๊งเงินกู้นอกระบบ" ดอกเบี้ยโหด พื้นที่ 6 จังหวัด อัปเดตจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัตน์, พ.ต.ต. พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.ต.สมโภชน์ บุญชะยา สว.ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐปณัธ ชญาณพัฒน์ รอง ผกก.สส.สภ.วังสมบูรณ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ., สภ.วังสมบูรณ์, ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. ดำเนินการ

 

เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างบุกทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด ทั้งหมด 5 ปฏิบัติการ ดังนี้

  • ปฏิบัติการที่ 1 ทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบ เครือข่าย “บอย หลังเขา”  ปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด ข่มขู่ลูกหนี้ รวบผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย เงินหมุนเวียนกว่าปีละ 50 ล้านบาท  

ร่วมกันจับกุม นายยุทธพงค์ฯ, นายอุเทนฯ และ นายณัฐวุฒิฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้”

โดยจับกุมได้ที่ บ้านพักไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 10 ต.สะตอน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี และ บ้านหลังหนึ่ง ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว  เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567

มีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ว่าช่วงประมาณปลายปี 2566 ประสบปัญหาด้านการเงิน ได้กู้สินเชื่อนอกระบบจาก นายยุทธพงค์  นายยุทธพงค์ฯ ได้มอบเงินกู้ จำนวน 9,000 บาท และต้องชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยวันละ 500 บาท เป็นจำนวน 24 วัน ซึ่งคิดเป็นดอกเบี้ยโหด กว่าร้อยละ 506.94 ต่อปี

ต่อมาผู้เสียหายหากชำระดอกเบี้ยไม่ตรงตามกำหนดเวลา นายยุทธพงค์ฯ มีการข่มขู่คุกคามว่าจะทำร้ายร่างกาย ทำให้เกิดความหวาดกลัว รู้สึกไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทราบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว เป็นเครือข่ายเงินกู้รายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่าปีละ 50 ล้านบาท มีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนจนพบเบาะแสกลุ่มผู้ต้องหาจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 3 ราย

และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ จำนวน 9 ราย พร้อมด้วยของกลางที่เกี่ยวกับการปล่อยกู้หลายรายการ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมาย

  • ปฏิบัติการที่ 2 รวบนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านโซเชียลมีเดีย ดอกโหด ร้อยละ 521.22 ต่อปี พื้นที่ จ.นนทบุรี

ร่วมกันกล่าวโทษ น.ส.วรรษชลฯ ในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” โดยตรวจค้นที่ บ้านหลังหนึ่งใน ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปอศ. ได้รับแจ้งจากสายลับ แจ้งว่า  น.ส.วรรษชล ฯ มีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยแบบดอกลอย ร้อยละ 10 บาทต่อสัปดาห์ จนกว่าจะมีเงินต้นมาคืน โดยมีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ให้กับประชาชนทั่วไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่า น.ส.วรรษชลฯ ได้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน และคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี ให้ค้นบ้านหลังดังกล่าว

พบทรัพย์สินซึ่งใช้ในการประกอบความผิดปล่อยเงินกู้นอกระบบ พบว่ามีปล่อยเงินกู้ให้กับบุคคลทั่วไปผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ และ บัญชี facebook โดยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบดอกลอย ร้อยละ 10 บาท ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น ร้อยละ 521.22 ต่อปี จนกว่าลูกหนี้จะมีเงินต้นมาคืนพร้อมดอกเบี้ยในคราวเดียวกัน ก่อนคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมพนักงานสอบสวน กก.5 บก. ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมาย
 

  • ปฏิบัติการที่ 3  ทลายขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ดอกโหด ร้อยละ 547.5 ต่อปี พื้นที่ จ.ชลบุรี 

ร่วมกันกล่าวโทษ นายทักษ์ดนัยฯ ในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” โดยตรวจค้นได้ที่ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ห้วยกะปิ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ผู้กล่าวหา ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับนายทักษ์ดนัยฯ พร้อมพวกที่มีพฤติกรรมร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบโดยผ่านเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันไลน์ โดยมีการประกาศโฆษณาชักชวนให้บุคคลทั่วไปมากู้ยืมเงิน และได้รับประโยชน์จากการที่เรียกเก็บดอกเบี้ยโหด กว่าร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 540 ต่อปี

โดยมีการทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ และมีพฤติการณ์ข่มขู่ลูกหนี้หากชำระไม่ตรงตามเวลา เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า นายทักษ์ดนัยฯได้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน และคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

และได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น พบโทรศัพท์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเอกสารเกี่ยวการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก จากการสอบถามยอมรับว่า ได้ปล่อยเงินกู้นอกระพบผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว

โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ประกอบธุรกิจขายเล็ก SME เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงได้แจ้งข้อหานายทักษ์ดนัยฯ และส่งมอบสิ่งของที่ได้จากการตรวจยึดให้กับ พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
 

  • ปฏิบัติการที่ 4 บุกทลายเครือข่ายเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนนับล้าน พื้นที่ จ.สิงห์บุรี

ร่วมกันกล่าวโทษ นางบุศรา ฯ ในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” โดยตรวจค้นได้ที่ บ้านพักไม่ปรากฏเลขที่ หมู่ที่ 1 ต.จักรสีห์ อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ผู้เสียหาย ได้มาพบพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ให้การว่าในช่วงประมาณปลายปี 2566 ประสบปัญหาด้านการเงิน จึงได้กู้สินเชื่อนอกระบบจาก นางบุศราฯ จำนวน 5,000 บาท หลังจากขอกู้เงิน นางบุศราฯ ได้มาตรวจสอบที่พักอาศัยของผู้เสียหาย และมอบเงินสดที่กู้ยืม 5,000 บาท ในการชำระเงินกู้ ต้องชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยวันละ 350 บาท เป็นจำนวน 20 วัน ซึ่งคิดเป็นดอกเบี้ย ร้อยละ 730 ต่อปี

ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้นางวิชุดาฯ ได้รับความเดือดร้อน  เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นเครือข่ายเงินกู้รายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่าปีละล้านบาท มีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 20 ราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นบ้านพักของนางบุศราฯ และดำเนินการตามกฎหมาย

  • ปฏิบัติการที่ 5 รวบคู่รักสตาร์ทอัพ ปล่อยกู้วงแชร์ ทวงหนี้โหด คิดดอกร้อยละ 1,000 ต่อปี เงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 

ร่วมกันจับกุม  น.ส.จริยาฯ และ นายกีรติฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด, ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่การใช้ความรุนแรง

หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น ร่วมกันแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทวงถามหนี้” โดยจับกุมได้ที่ บ้านหลังหนึ่งใน หมู่ที่ 1 ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์

สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2567 ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ว่ามีกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงร้อยละ 2.86 ต่อวัน หรือกว่าร้อยละ 1,043.90 ต่อปี จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโพสต์ชักชวนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในการเล่นแชร์ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายส่งเงินไม่ทัน

ผู้ต้องหาจึงปล่อยกู้ให้แก่ลูกวง หากลูกหนี้รายใดผิดนัดชำระหนี้ จะใช้วิธีการส่งข้อความทวงหนี้ทางไลน์กลุ่ม ด้วยถ้อยคำหยาบคายและข่มขู่ลูกหนี้ ทำให้เกิดความหวาดกลัว ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วงระยะเวลา 1 ปี 5 เดือน กว่า 30 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ร่วมกระบวนการ พบผู้กระทำความผิด จำนวน 2 ราย จึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาไว้แล้ว ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาและตรวจค้นที่พักอาศัยดังกล่าว พร้อมตรวจยึดสิ่งของอันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายรายการรวมทั้งเอกสารข้อมูลลูกหนี้และเอกสารที่เกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้จำนวนหลายรายการ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ ตามกฎหมายให้ทราบ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมาย