หลอกพระ! เอี่ยวฟอกเงิน โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ล้าน บุกจับสาวบัญชีม้า

หลอกพระ! เอี่ยวฟอกเงิน โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ล้าน บุกจับสาวบัญชีม้า

โจรใจบาป หลอกพระ! เอี่ยวฟอกเงิน โอนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ล้าน ตำรวจบุกจับสาวบัญชีม้า อ้างเคยถ่ายบัตรประชาชนส่งเว็บสมัครงาน

กรณีจับบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ "หลอกพระสงฆ์"ว่าเกี่ยวข้องการฟอกเงินสูญเงินกว่า 2 ล้าน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ชุดปฏิบัติการที่ 4 นครบาล ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ประภัสสร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.159/2567 ลงวันที่ 27 ก.พ. 2567  
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน

  • ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
  • นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
  • กระทำความผิดฐานฟอกเงิน 

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

หลอก "พระ" เอี่ยวฟอกเงิน

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 ได้มีโทรศัพท์ ติดต่อมาหาผู้กล่าวหา โดยคนร้ายอ้างตนเป็นหญิง (ผู้กล่าวหาจำชื่อไม่ได้) แจ้งว่าโทรจากบริษัทส่งพัสดุ ซึ่งผู้กล่าวหาจำชื่อบริษัทส่งพัสดุไม่ได้ คนร้ายหลอกลวงผู้กล่าวหา บอกว่าพัสดุมีสมุดบัญชีธนาคาร เปิดในชื่อของผู้กล่าวหา จำนวน 3 เล่ม และมีของพม่า 9 เล่ม จะส่งจากจังหวัดตากไปจังหวัดอุบลราชธานี บอกว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบดูแล้ว ซึ่งของดังกล่าวมีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน 

และแจ้งว่าผู้กล่าวหาต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเมืองตาก จากนั้นคนร้ายได้โอนสายให้กับผู้กล่าวหาพูดคุยกับคนร้ายอีกคน อ้างว่าเป็นตำรวจยศสารวัตร ชื่อ พ.ต.ต.ปริญ และให้ผู้กล่าวหาเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ผู้กล่าวหาจึงได้เพิ่มเพื่อนตามคำกล่าวอ้างของคนร้าย ชื่อไลน์ "สถานีตำรวจภูธรเมืองตาก" 

จากนั้นคนร้ายได้โทรหาผู้กล่าวหาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ มาพูดคุยอ้างว่า ผู้กล่าวหามีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และฟอกเงิน ผู้กล่าวหายืนยันว่าตนไม่เคยเกี่ยวข้อง ผู้กล่าวหาเป็นพระอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐาน เงินที่ได้มาจากการถวายของญาติโยม และคนร้ายแจ้งว่าจำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน 

ผู้กล่าวหาหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปให้กับคนร้าย ผู้กล่าวหาจึงได้เดินทางไปยังธนาคาร เพื่อถอนเงินออกของบัญชีรับเงินคนชรา และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ จากนั้นคนร้ายได้โทรมาหาผู้กล่าวหาอีกครั้ง เพื่อให้โอนเงินเพื่อไปตรวจสอบ หากแต่ผู้กล่าวหาโอนเงินผ่านระบบ MOBILE BANKING และโอนผ่าน ATM ไม่เป็น จากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้เดินทางยังธนาคาร และได้โอนเงิน ไปยังบัญชีปลายทางบัญชีธนาคารชื่อบัญชี น.ส.ประภัสสร จำนวน 2,000,000 บาท

 ต่อมาเมื่อผู้กล่าวหาได้โอนเงินไปแล้วนั้น จึงได้เดินทางกลับมายังวัด แต่คนร้ายยังคงโทรมาหลอกลวงให้ผู้กล่าวหาโอนเงินไปเพิ่มเติมอีก จึงได้ทราบว่าถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย จึงได้เดินทางมายัง สภ.บางบัวทอง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยไม่ทราบเรื่องบัญชีดังกล่าว แต่รับว่าเคยได้ส่งภาพถ่ายบัตรประชาชน และภาพถ่ายหน้าตรง ไปในกลุ่มหางาน ใน Facebook  ทราบภายหลังว่าถูกนำไปเปิดบัญชีออนไลน์ ของธนาคารหนึ่ง เพราะได้รับหมายเรียกจากหลายท้องที่ จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.บางบัวทอง ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าให้ระมัดระวังการส่งเอกสาร หรือให้ข้อมูลส่วนตัวแก่ผู้อื่น เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะพยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว

และนำไปเปิดบัญชี internet Banking นำไปหลอกผู้อื่น ตกเป็นผู้ต้องหาบัญชีม้า ส่วนผู้ที่ขายหรือให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารที่นำไปหลอกลวงผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า)