ลักทรัพย์นายจ้างร้านสะดวกซื้อ เป็นผู้จัดการ แอบนำเงินใส่กระเป๋าสะพาย 2 แสน

ลักทรัพย์นายจ้างร้านสะดวกซื้อ เป็นผู้จัดการ แอบนำเงินใส่กระเป๋าสะพาย 2 แสน

งามไส้ ไว้ใจแต่เป็นโจร ลักทรัพย์นายจ้างร้านสะดวกซื้อ เป็นผู้จัดการร้าน แต่แอบนำเงินใส่กระเป๋าสะพายไปกว่า 2 แสน

กรณีลักทรัพย์นายจ้าง ร้านสะดวกซื้อ เป็นผู้จัดการร้าน แต่แอบนำเงินใส่กระเป๋าสะพายไปกว่า 2 แสน

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. จับกุมตัวนางสาวอรชา อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 682/2567 ลงวันที่ 2 ส.ค. 67  ข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง

จับกุมที่บริเวณปากซอย 4/3 หมู่บ้านพฤกษา 13 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

พฤติการณ์ ผู้แจ้งรับมอบอำนาจให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกจ้างมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง

มีหน้าที่ควบคุมเงินในร้าน ต่อมาตามวันเวลาที่เกิดเหตุผู้แจ้งได้เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีเงินหายไปจำนวน 198,094 บาท

จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบว่า ผู้ต้องหาเป็นคนนั่งนับเงินและนำเงินใส่กระเป๋าสะพายส่วนตัวก่อนจะหลบหนีไป และไม่สามารถติดต่อได้


ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า ลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้าง แม้จะชดใช้คืนแล้วก็ยังต้องถูกดำเนินคดี

  • ความผิดลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง เป็นการลักทรัพย์
  • ในเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้กระทำความผิด
  • ต้องรับโทษหนักขึ้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี
  • ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท
  • เป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ไม่อาจยอมความกันได้

เมื่อนายจ้างไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว ลูกจ้างจะมาไกล่เกลี่ย ขอชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แล้วขอให้นายจ้างยอมความไม่ได้ ลูกจ้างก็ยังคงต้องถูกดำเนินคดีต่อไป จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล ฉะนั้น โปรดใช้สติยั้งคิดก่อนคิดจะทำลงไป และยังทำให้มีประวัติติดตัว มีผลต่อการสมัครงานในอนาคตอีกด้วย