อัปเดต หลอก 'ดาราสาว' เข้ากลุ่มขายของแบรนด์เนม สูญเงินล้าน บุกจับ 2 บัญชีม้า
ล่า! อัปเดตล่าสุด หลอก 'ดาราสาว' แซมมี่ เคาวเวลล์ เข้ากลุ่มขายของแบรนด์เนม สูญเงินล้าน บุกจับ 2 บัญชีม้า ที่สมุทรปราการ และราชบุรี
พลิกแผ่นดินล่า! หลอก 'ดาราสาว' แซมมี่ เคาวเวลล์ เข้ากลุ่มขายของแบรนด์เนม สูญเงินล้าน บุกจับสองบัญชีม้า ที่สมุทรปราการและราชบุรี
ล่าสุด ตำรวจสืบนครบาล รวบสองผู้ต้องหาบัญชีม้า มิจฉาชีพ หลอกดาราสาวสวยสุดเซ็กซี่ เข้ากลุ่มขายของแบรนด์เนม ลวงให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ สูญเงินกว่า 1.2 ล้าน
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. จับกุมตัว นางนงนุช อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4112/2567 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำความผิดฐาน
- ร่วมกันฉ้อโกง
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
- ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
- หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
- ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
จับกุม ภายในวัดมาบแค หมู่ที่ 15 ตำบลหนองปลาหมอ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
และจับกุมตัว นายเอนก อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4105/2567 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำความผิดฐาน
- ร่วมกันฉ้อโกง
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
- ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
- หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
- ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
จับกุม บริเวณริมถนนภายในซอยบุญถนอม ถนนสุขาภิบาล 7 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
หลอกดาราสาว เข้ากลุ่มขายของแบรนด์เนม สูญเงินล้าน
พฤติการณ์ แซมมี่ เคาวเวลล์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ถูกหลอกให้โอนเงิน 1.2 ล้านบาท
เรื่องนี้เริ่มต้นจากการขายกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งตนเองได้โพสต์ประกาศขายกระเป๋าแบรนด์ยี่ห้อดัง (Goyard) ราคา 60,000 บาท ในเฟซบุ๊ก กลุ่มคนซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม
จากนั้นก็มีบุคคลเข้ามาพิมพ์คอมเมนต์ใต้โพสต์ แนะนำว่า รู้จักกลุ่มของผู้ที่นิยมชมชอบสะสมกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อที่ประกาศลงขายไว้ ให้อินบ็อกซ์ไปสอบถามข้อมูลได้
จากนั้นตัวเองก็อินบ็อกซ์เข้าไปสอบถามข้อมูล และถูกชักชวนให้เข้าไปในกลุ่ม LINE open chat ซึ่งมีสมาชิกอยู่กว่า 100 คน โดยแนะนำว่าจะต้องโอนเงินค่าสมัครเข้ากลุ่มก่อน และให้โอนเงินอีกหลายครั้งจึงจะสามารถดำเนินการได้
จากนั้นได้หลอกให้สมัครขายออนไลน์ ผ่านเว็บมิจฉาชีพ ผู้เสียหายสมัครการขายตามขั้นตอน โดยต้องติดต่อกับ บุคคลผ่านไลน์อีก 3-4 คน แจ้งให้ผู้เสียหายทำการโอนเงินตามขั้นตอนต่าง ๆ
หากไม่ดำเนินการจะดำเนินคดี ผู้เสียหายเห็นความเคลื่อนไหวการโพสต์ขายกระเป๋าแบรนด์เนม อีกทั้งยังมีบุคคลที่เข้ามาคอมเมนต์ว่าได้เงินคืนหลังจากที่ทำตามข้อตกลง ซึ่งดูน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปตามขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่บุคคลที่ติดต่อมา โดยโอนเงินไปจำนวน 11 ครั้ง ความเสียหายรวมเป็นเงิน 1,299,106 บาท
จากนั้นจึงมาแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ช่วยดำเนินการอายัดบัญชี เบื้องต้นได้มีการแจ้งความออนไลน์เพื่อประสานกับธนาคารบัญชีของตนเองเพื่ออายัดบัญชี และให้เตรียมหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติมภายหลัง จึงฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง มิจฉาชีพหลอกลวงขายของออนไลน์ให้ดี ให้ดูตนเองเป็นตัวอย่าง ทั้งที่ติดตามข่าวสารและระมัดระวังตัวมาโดยตลอด แต่ก็ยังพลาดตกเป็นเหยื่อจนได้
ต่อมา พงส.สน.โคกคราม ออกหมายจับเจ้าของบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากการโอนดังกล่าว 9 ราย และวันที่ 29 ส.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 2 ราย คือ นางนงนุช และ นายเอนก
หลังถูกจับกุมผู้ต้องหา นางนงนุช ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าสาเหตุที่ตนรับจ้างเปิดบัญชีม้าเพราะตนติดหนี้รายวัน ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตนว่างงานจึงหางานทำในเฟซบุ๊ค เมื่อประมาณต้นปี 2567 เจอบุคคลชักชวนให้เปิดบัญชีและไปทำงานที่ปอยเปตแล้วจะได้เงินกลับบ้าน 1หมื่นบาท ตนตกลงทำงาน
ตนมีบัญชีอยู่ 1 บัญชี และเปิดเพิ่มอีก4 บัญชี จากนั้นนายหน้ามารับตนด้วยรถกระบะที่จังหวัดราชบุรีไปอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ภายในรถมีผู้สมัครทำงานคล้ายตนนั่งไปด้วย 8-10 คน
เมื่อไปถึงชายแดนตนและบุคคลดั่งกล่าวต้องเดินเท้าผ่านป่าจนถึงลำคลอง จากนั้นนั่งแพข้ามน้ำไปขึ้นฝั่งประเทศกัมพูชา จะมีชายชาวกัมพูชายมารับไปส่งเป็นระยะๆ ถึง 3 ช่วง เมื่อถึงบ้าน 2 ชั้นค้างพักแรม
เช้ามีชาวต่างชาติรับตนไปส่งไปตึกสูงหลายชั้นอีกที่ถึงวันแรกชาวต่างชาติเรียกเอาบัตรประชาชนและมือถือไป คอยไปสักพักจะมีคนมาเรียกไปแสกนหน้า วันแรกได้แสกนหน้าถึง 4 ครั้ง วันที่ 2- 8 ไม่ได้ทำอะไร วันกลับได้รับค่าแรกที่ตกลงไว้จำนวน 10,000 บาท
แต่ถูกหักเงินที่ตนเบิกมาก่อน 2,000 บาท และยังต้องถูกหักค่าข้ามชายแดนมายังฝั่งประเทศไทยอีก 5,000 บาท นายหน้าที่พาข้ามฝั่งมาพยายามจะหักเงินตน ตนไม่ยอมจึงถูกทิ้งไว้ที่ชายแดนฝั่งไทย พร้อมเงินที่เหลืออีก 3,000บาท
ตนจึงเดินเท้าไปขึ้นรถตู้กลับจังหวัดราชบุรีเอง ผู้ต้องหาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายหน้าเป็นชายไทยชื่อศักดิ์ และหญิงไทยชื่อแพน สองนายหน้าที่เป็นผัวเมียกัน เบอร์ติดต่อและแชทการติดต่อพูดคุยกันอยู่ในมือถือที่ 2 นายหน้ายึดไว้ตอนไปปอยเปต จึงไม่สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่ดูได้
ส่วนนายเอนก ห้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนตกงาน มีเงินติดตัวอยู่ 200 บาท ตนเห็นโพสต์ในเฟซบุ๊คว่าหาคนทำงาน โดยลักษณะงานต้องเปิดบัญชีธนาคารและไปทำงานที่สระแก้ว โพสต์ยังบอกอีกว่าถ้ายิ่งเปิดบัญชีเยอะยิ่งได้เยอะ ให้บัญชีละ 2,000 บาท
ตนตอบตกลงสมัครงานดังกล่าว ช่วงประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา ตนดำเนินการตามที่ผู้โพสต์พอก ตนเปิดบัญชีธนาคารใหม่ 5 บัญชี นายหน้ามารับตนที่สำโรงจังหวัดสมุทรปราการไปจังหวัดสระแก้ว เมื่อไปถึงตนรอชายกัมพูชามารับข้ามคลองไปฝั่งประเทศกัมพูชาโดยการนั่งเรือพร้อมด้วยชาวไทยที่สมัครงานคล้ายตนอีก 5-6 คน
เมื่อถึงที่พักที่ปอยเปตวันแรกชายต่างชาติให้ตนนำซิมมือถือของตนไปใส่โทรศัพท์มือถืออีก 5 เครื่อง โดยใส่ทีละเครื่อง เครื่องหนึ่งตนจะต้องแสกนหน้าจำนวน 2 ครั้ง ทำต้องไปจนครบ 5 เครื่อง รวมแสกนหน้าตน 10 ครั้ง วันที่ 2- 8 ตนได้นอนภายในห้องพักที่ปอยเปตจนถึงวันที่กลับบ้าน วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ตนได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท
เมื่อข้ามฝั่งมาถึงฝั่งประเทศไทยชายชาวต่างชาติมาส่งตนที่โรงเกลือขึ้นรถตู้กลับสำโรง สมุทรปราการ
จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง นำส่ง สน.โคกคราม ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนว่า ปัจจุบันมีมิจฉาชีพใช้มุกใหม่ คือจะหลอกเป็นลูกค้าที่สนใจสินค้า และเชิญเข้ากลุ่มซื้อขายของ ที่มีหน้าม้าอยู่ในกลุ่ม จากนั้นจะหลอกให้ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เงินคืน ขอให้ประชาชนโปรดใช้สติ อย่าหลงเชื่อและฝากขอเตือนเป็นอุทาหรณ์ ให้ระวังถูกหลอกเข้าไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
โดยออกอุบายว่าจะให้ค่าจ้างสูงๆ หลังมีชาวไทยตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยเมื่อเข้าไปทำงานในขบวนการดังกล่าวแล้วจะถูกบังคับให้ทำงานเพื่อหลอกชาวไทยด้วยกันและผู้ที่หลงเข้าไปทำงานนี้บางรายถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโทษจำคุกถึง 50 ปี
และต้องชดใช้เงินทั้งหมดคืนแก่ผู้เสียหาย มีบางรายที่หนักกกว่านั้น ถูกกักขัง ถูกทำร้าย ดังเช่นผู้ต้องหารายนี้ ที่ต้องหาทางหนีกลับไทย และหากทำงานไม่ได้หรือไม่ยอมทำงานจะถูกขายต่อให้นายทุนรายอื่น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่กำลังคิดจะเข้ามาทำงานในกัมพูชา ศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจมาทำงานที่กัมพูชา