รวบเพิ่ม แก๊งอ้างการไฟฟ้า หลอกสแกนหน้า เหยื่อสูญเงินแสน
ตำรวจไซเบอร์ รวบเพิ่ม แก๊งอ้างการไฟฟ้า
หลอกสแกนหน้า ติดตั้งแอปดูดเงิน โอนเงินออกจากบัญชี สูญเงินกว่าสองแสนบาท
กรณีแก๊งอ้างการไฟฟ้า หลอกสแกนหน้า สูญเงินกว่าสองแสนบาท สืบเนื่องจากภรรยาของผู้เสียหายได้เปิดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย พบข้อความไลน์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
พบข้อความว่า “มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล” และมีรายละเอียดในข้อความดังกล่าวพร้อมแจ้งว่าได้ทำการลงทะเบียนรับสิทธิ์ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและคืนเงินค่ามิเตอร์หรือยัง
จากนั้นคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายทำรายการตามที่คนร้ายได้ส่งข้อมูลมาทางไลน์ ซึ่งคนร้ายได้ส่งลิงก์และให้กรอกข้อมูลตามที่กำหนด ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ทำรายการตามที่คนร้ายได้บอกทุกขั้นตอน จนเสร็จสิ้น
โดยคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายสแกนใบหน้าของผู้เสียหาย ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้เสียหายทำการสแกนใบหน้าจำนวน 2 ครั้ง
จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าเรียบร้อยแล้วและได้ทำการวางสายโทรศัพท์ไป จนกระทั่งผู้เสียหายได้มาทำการถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ปรากฎว่าเงินในบัญชีธนาคารของ ผู้เสียหายได้ถูกโอนไปเข้าบัญชีธนาคารคนร้าย จำนวนเงิน 228,700 บาท
ซึ่งต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้จับกุมหนึ่งในขบวนการแอบอ้างการไฟฟ้า หลอกภรรยาให้สแกนหน้าสามี จนสูญเงินไปกว่าสองแสนบาท ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 กวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกเป็นการไฟฟ้าติดตั้งแอปดูดเงินอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาวันที่ 12 ก.ย.67 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำโดย
- พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3,
- พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3,
- พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ,
- พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ
ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.มนันญาฯ อายุ 33 ปี ชาว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในซอยเจ้าพ่อกวนอู หมู่ 1 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
จึงทำการวางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ จ.220/2567 ลง 8 ส.ค.67
ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยการปลอมตัวเป็นผู้รับ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และหมายจับของศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ จ.92/2567 ลง 19 ก.ค.67
ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยการปลอมตัวเป็นผู้รับ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
และมีความเชื่อมโยงกับคดีในพื้นที่ สภ.ชนบท และ สภ.บ่อผุด โดยมีการเปิดบัญชี รวม 3 ธนาคาร มูลค่าความเสียหายรวมทุกพื้นที่ กว่า 2 ล้านบาท
โดยจับกุมได้ขณะยืนอยู่บริเวณริมถนนในซอยศาลเจ้าพ่อกวนอู หมู่ 1 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สอท.3 มาดำเนินคดีได้ในที่สุด