ยึดซิมมือถือ 100,000 ชิ้น ลุย 647 ร้านทั่วประเทศ สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ยึดซิมมือถือ 100,000 ชิ้น ลุย 647 ร้านทั่วประเทศ สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ยุทธการระเบิดสะพานโจร ยึดซิมมือถือ 100,000 ชิ้น ลุย 647 ร้านทั่วประเทศ สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปฏิบัติการ เดือน ต.ค. 10 วัน

กรณียุทธการระเบิดสะพานโจร ยึดซิมมือถือ 100,000 ชิ้น ลุย 647 ร้านทั่วประเทศ สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) ได้เร่งระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์

มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ใช้ยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ในการตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ซิมผี บัญชีม้า SMS และ Social Media Platform

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ, พล.ต.ท.ธัชชัย, พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สำนักงาน ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาราชการแทนเลขาธิการ กสทช. ผู้แทนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ อาทิ NT AIS TRUE ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร”

ในห้วงวันที่ 1-10 ตุลาคม 2567 ทาง ศปอส.ตร. ได้ระดมกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนข้อมูลจาก กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่าย เข้าตรวจค้นตู้ซิม ร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศที่จำหน่ายและลงทะเบียนซิมให้คนร้าย 647 ร้านค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ และดำเนินคดีกับผู้ลงทะเบียนให้กับคนร้ายโดนผลการตรวจค้น สามารถจับกุมดำเนินคดีกับร้านค้าในความผิดซึ่งหน้ากว่า 20 ร้านค้า

พร้อมตรวจยึดของกลาง อาทิ ซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม , อุปกรณ์ SIM BOX จำนวน 113 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ 575 เครื่อง ,คอมพิวเตอร์ 23 เครื่อง และเอกสารสำเนาบัตรประชาชน / สำเนาหนังสือเดินทาง-ใบอนุญาตทำงานของบุคคลต่างด้าว สำหรับใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์อีกหลายรายการ โดยเป็นพยานหลักฐานสำคัญในการใช้ออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดทุกราย หากเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 9 10 และ 11 แห่ง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 7 และ 14(1) แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

จากการเข้าตรวจค้นตู้ซิมที่เป็นเป้าหมายทั้งประเทศพบช่องว่างของการลงทะเบียนสองส่วนคือ

  1. การถือครองซิมเป็นจำนวนมากโดยคนร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนประกาศของ กสทช. ในการถือครองซิมไม่เกิน 5 ซิม
     
  2.  การลงทะเบียนซิมออนไลน์ ระบบไม่สามารถตรวจจับการลงทะเบียนที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น การอัปโหลดรูปภาพที่ไม่ใช่ตัวเอง สามารถอัปโหลดสิ่งใดก็ได้ หรือการพิมพ์ข้อความชื่อ หรือข้อความอื่นที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ซึ่งทาง ศปอส.ตร. จะได้มีการหารือร่วมกับทาง กสทช. และทางผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อแก้ไขเรื่องนี้อย่างเป็นการเร่งด่วน

จากนี้ไป ทาง ศปอส.ตร. จะมีการตรวจสอบเบอร์โทรที่คนร้ายใช้โทรเข้ามาหลอกประชาชนที่มีการแจ้งในระบบ Thaipoliceonline ว่าตู้ซิมใดเป็นผู้ลงทะเบียนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ซึ่งทาง ศปอส.ตร. เชื่อว่าคนร้ายที่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่สามารถติดต่อหรือหลอกลวงคนไทยได้ ถ้าไม่มีตู้ซิมหรือผู้ที่รับผิดชอบไปช่วยเหลือลงทะเบียนซิมให้กับคนร้ายหรือระบบการลงทะเบียนที่เอื้ออำนวยให้กับคนร้ายไปลงทะเบียนโดยไม่สามารถทราบว่าเป็นใคร

ศปอส.ตร. ฝากเตือนไปถึงร้านค้าตู้ซิมที่รับลงทะเบียนให้กับคนร้ายคอลเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ที่ไปช่วยเหลือการลงทะเบียนให้กับคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนร้ายต่างชาติที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือมาหลอกลวง เอาทรัพย์สินของคนไทยไปต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งนอกจากขายชาติ จะสูญเสียอิสรภาพ ถูกตัดขาดจากครอบครัวแล้ว ยังสูญเสียอาชีพ ธุรกิจตลอดไป

ทั้งนี้ ยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่อง “ซิม เสา บัญชีธนาคาร SMS และ Social Platform” เพื่อให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไปจากประเทศไทย ตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีต่อไป