ทนายสายหยุด เผยแนวทางสู้คดี บอก "ทนายตั้ม" สุดห่วงเมีย เตรียมยื่นประกันรอบ 2
อัปเดตล่าสุด "ทนายสายหยุด" เผยแนวทางสู้คดี บอก "ทนายตั้ม" สุดห่วงเมียนอนคุก โต้ข่าวเตี๊ยมคำให้การ เตรียมยื่นประกันตัวรอบ 2
ความคืบหน้ากรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" หลังถูกคุมตัวเข้าเรือนจำ ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวเนชั่นได้สอบถามไปยัง นายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือ "ทนายสายหยุด" ทนายความของนายษิทราและนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยาทนายตั้ม) เพื่อสอบถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี และการยื่นประกันภรรยาทนายตั้มรอบสอง หลังจากที่เมื่อวานนี้ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัว
โดย ทนายสายหยุด กล่าวว่า ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนางปทิตตา (ภรรยาทนายตั้ม) เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก 8-10 ปาก เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีแผนจะยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง
ทั้งนี้จะต้องหารือกับทนายตั้มอีกครั้งในเรื่องของการประกันตัวด้วย โดยเฉพาะการยื่นประกันตัวภรรยา จะต้องรอการฝากขังในผัดที่ 2 ของตำรวจก่อน และจะต้องดูความคืบหน้าทางคดีว่าตำรวจทำสำนวนไปถึงไหนแล้วด้วย หากทนายตั้มบอกให้ประกันตนก็จะยื่น และถ้าให้รอก่อนก็ต้องรอ และเมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 67) หลังจากศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวภรรยาทนายตั้ม ก็ได้มีการหารือกันในเบื้องต้น ซึ่งทนายตั้มให้รอพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน และให้มาเยี่ยมในวันจันทร์นี้ ทั้งนี้ทนายตั้มได้เข้าใจสถานการณ์และยอมรับสภาพชั่วคราว โดยได้เตรียมใจไว้แล้ว ตัวทนายตั้มเองไม่ได้มีปัญหา แต่ทนายตั้มเป็นห่วงภรรยามาก พร้อมให้กำลังใจภรรยาว่าจะต้องปรับตัวเข้ากับสภาพการอยู่ในเรือนจำให้ได้ในช่วงนี้
ส่วนแนวทางการยื่นคำร้องต่อศาลในการขอประกันตัว ก็จะต้องไปค้นหาพยานหลักฐานเพื่อมายืนยันว่าภรรยาของทนายตั้มไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิด และจะต้องมีหลักฐานให้ศาลเห็นและเชื่อได้ว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพื่อให้ศาลมีดุลพินิจในการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะก่อนหน้านี้หาไม่ทัน เนื่องจากโดนจับกุมค่อนข้างกะทันหัน ทั้งนี้การทำคำให้การเพิ่มเติม เนื่องจากพวกพยานหลักฐาน พยานเอกสารยังไม่ได้เตรียมไว้ พอโดนจับกุมก็ให้การเป็นวาจา ดังนั้นจึงต้องไปนำเอกสารมาประกอบคำให้การทั้งสัญญาและหลักฐานการพูดคุย เพื่อนำไปมอบให้เป็นหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งตนได้แจ้งพนักงานสอบสวนไว้ภายใน 15 วัน
นอกจากนี้ ทนายสายหยุด ยังตอบคำถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาบอกว่าทนายตั้มมีโทรศัพท์หลายเครื่อง แต่ที่ตำรวจตรวจยึดมาเป็นเครื่องใหม่ ไม่มีข้อมูลใดๆ นั้น ตนยืนยันว่าเรื่องโทรศัพท์ทุกอย่างเป็นการให้ตรวจสอบตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น และโทรศัพท์ไม่ได้มีไว้เป็นความผิด และไม่ได้ได้มาจากการกระทำความผิด จึงไม่ได้ให้ยึดไว้ ส่วนการเก็บข้อมูลในโทรศัพท์ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาในการยินยอมจะให้ตรวจสอบและเก็บขอมูลในโทรศัพท์ได้หรือไม่
ส่วนในวันที่ถูกจับกุม ทนายตั้มได้โทรศัพท์หานายตำรวจหรือบุคคลใดเพื่อขอความช่วยเหลือหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่ยอมรับว่าในวันที่ทนายตั้มโดนจับกุม คือวันที่ 7 พ.ค. 67 ทนายตั้มได้โทรหาตนเวลา 11.05 น. หลังจากรู้ตัวแล้วว่าหมายจับออกแล้ว ตำรวจตามประกบเพื่อเข้าทำการจับกุม ทนายตั้มโทรมาแล้วพูดกับตนว่า "พี่ครับผมถูกจับแล้วครับ"
ส่วนเรื่องที่มีรายงานข่าวระบุว่าพยานบางคนฝั่งทนายตั้ม ยอมรับว่า "มีการเตี๋ยมคำให้การ" เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ทนายสายหยุด ยืนยันว่า ไม่มีการเตี๊ยมคำให้การแน่นอน การให้การของพยานตนเตรียมเอาไว้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ทราบมาก่อนว่าจะโดนกล่าวหาใน 3 ประเด็น คือเงิน 71 ล้าน รถเบนซ์ 13 ล้าน และค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน จึงได้เตรียมประเด็นเรียงเอาไว้ ส่วนพยานคนอื่นๆ ที่เรียกไปให้การ จะไปพูดคุยยังไงตนไม่ทราบ แต่ได้บอกพยานทุกคนว่าให้ให้การไปตามความจริงในเนื้อคดี การที่จะให้ยืมมาลงทุนหรือฉ้อโกง ข้อเท็จจริงมีอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ทนายสายหยุดยังบอกถึงแนวทางการต่อสู้คดีในเบื้องต้นว่า เนื่องจากคดีที่โดนกล่าวหาคือคดีเดียว แต่ความผิด 3 กรรม ทางทีมทนายความจะต้องหาพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญมาให้การในคดีแต่ละกรรม ทั้งการติดต่อไปยังสถานทูตฝรั่งเศส เพื่อให้คนที่มีความรู้เรื่องการโอนเงินระหว่างฝรั่งเศสกับไทยมาให้ปากคำในขั้นตอนต่างๆ เอกสารสัญญาต่างๆ และค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการโอนเงิน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการให้ค่าคอมมิชชั่นรถเบนซ์และการออกบิล รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบก่อสร้าง เพื่อชี้แจงถึงแผนการออกแบบ ภายใต้งบประมาณ 160 ล้านของการก่อสร้างโรงแรมว่าจะมีขั้นตอนรายละเอียด กรอบระยะเวลาต่างๆ อย่างไรบ้าง