เตือนภัย แก๊งสรรพากรเก๊ ข่มขู่โอนเงินตรวจสอบ แลกเสียค่าปรับหลายล้าน
ระวังเตือนภัย แก๊งสรรพากรเก๊ ข่มขู่โอนเงินตรวจสอบ แลกเสียค่าปรับหลายล้าน ตำรวจไซเบอร์รวบตรวจสอบพบประวัติคดีบัญชีม้า 7 คดี ไม่เข็ดหลาบ
กรุงเทพธุรกิจ ระวังเตือนภัย แก๊งสรรพากรเก๊ ข่มขู่ โอนเงินตรวจสอบ แลกเสียค่าปรับหลายล้าน ตำรวจไซเบอร์รวบตรวจสอบพบประวัติคดีบัญชีม้า 7 คดี ไม่เข็ดหลาบ
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางปี 65 ได้มีโทรศัพท์ลึกลับโทรหาผู้เสียหายและอ้างเป็นหน่วยงานสรรพากร หลอกผู้เสียหายว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีของผู้เสียหายและดูเหมือนจะเป็นรายได้ที่ผู้เสียหายได้รับ แต่ไม่ได้เสียภาษี เนื่องจากผู้เสียหายทำอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว จึงหลงกลโกงของคนร้าย
โดยคนร้ายข่มขู่อีกว่าให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบว่าที่มาของเงินได้มาถูกต้องหรือไม่ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีและต้องเสียค่าปรับจำนวนหลายล้านบาท
ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงโอนเงินตามคำบอก โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าบัญชีที่ให้โอนเงินไปนั้นเป็นชื่อบุคคล (ซึ่งเป็นบัญชีชื่อของผู้ต้องหา) สุดท้ายสูญเงินนับครึ่งล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายเห็นข่าวเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพกร จึงรู้ตัวว่าตนโดนหลอก จึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครปฐม
ต่อมา พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.2 บก.สอท.4 ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด
จนกระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 สั่งการให้ พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4, ร.ต.อ.เปรมประชา อุตมา, ร.ต.อ.ยุทธพงษ์ อมรมงคลศิลป์ รอง สว.กก.2 บก.สอท.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี และสามารถรวบตัว นายต้า(นามสมมุติ) หนุ่มบัญชีม้า ตามหมายจับ สภ.เมืองนครปฐมไว้ได้
เบื้องต้นเจ้าตัวรับว่าตนเองได้สมัครใจเปิดบัญชีม้าให้รุ่นพี่ที่เคารพโดยแลกกับเงิน 300 บาท โดยไม่ทราบมาก่อนว่ารุ่นพี่จะนำบัญชีไปขายต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบหมายจับของ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อีก 1 หมาย และพบประวัติที่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องบัญชีม้า ร่วม 7 คดี นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ตำรวจไซเบอร์ขอเตือนว่า การรับเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่น มีความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปรามปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เสียทั้ง ประวัติ อิสระภาพ และเงินทอง อย่าหาทำ
ทั้งนี้ ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อสามารถติดตามทรัพย์สินที่หลอกลวงไปกลับมาเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว