ดีเอสไอ มีมติสั่งฟ้อง 18 บอสดิไอคอน 4 ข้อหา เตรียมส่งสำนวนให้อัยการ 23 ธ.ค.นี้
ด่วน! ดีเอสไอ มีมติสั่งฟ้อง "18 บอสดิไอคอน" 4 ข้อหา เตรียมส่งสำนวนให้อัยการ 23 ธ.ค.นี้ ด้าน ทนาย "บอสพอล" โวยมีธง มั่นใจมีหลักฐานสู้ในชั้นศาล
ความคืบหน้า "คดีดิไอคอน" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธันวาคม 2567) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หลังใช้เวลาพิจารณาจากพยานหลักฐานทุกอย่างที่ได้รวบรวมมา เช่น เอกสารที่เกี่ยวข้องกว่า 300,000 แผ่น, คำให้การของพยาน 50 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัท ดิไอคอน ที่ฝ่ายผู้ต้องหาพามาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบปากคำ
เมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งหมดที่มี ทางคณะการสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกหนึ่งแห่ง ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 หรือ แชร์ลูกโซ่, ความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง 2545 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ รวม 4 ข้อหา ทั้งนี้เตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคมนี้
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้จะถูกแยกสำนวนออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ที่กระทำผิดต่อผู้เสียหายกว่า 7,000 คน ที่อยู่ในราชอาณาจักร ขณะที่อีกส่วนเป็นสำนวนที่มีผู้เสียหายอยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งในส่วนนี้ทางอัยการจะเข้ามาร่วม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะส่งสำนวนจะให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาคดี
สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 หรือ แชร์ลูกโซ่ ทางคณะการสอบสวนคดีพิเศษ มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่เชื่อได้ว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน เป็นการ หาลูกข่ายหรือหาสมาชิกมาร่วมลงทุนทำธุรกิจ มากกว่ามุ่งเน้นการขายสินค้า
ทนาย "บอสพอล" โวยดีเอสไอ ตั้งธงฟ้อง "18 บอสดิไอคอน"
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของอธิบดีดีเอสไอ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ท่านไม่ใช่ศาล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านมีธงในใจหรือไม่ เพราะเมื่อตอนที่ไปขอพฤติการณ์ของคดี รวมถึงตอนที่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทางดีเอสไอก็ไม่ได้ให้หลักฐานการกระทำผิดมาตั้งแต่แรก ฉะนั้นการต่อสู้คดีจะบริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร
อีกทั้งตอนที่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก็ไม่ได้นำหลักฐานมายืนยันว่าเรากระทำความผิดฐานแชร์ลูกโซ่อย่างไร มีเพียงถามว่า จะรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา เราจึงต่อสู้คดีเท่าที่เราทำได้ และไม่รู้ว่าสิ่งที่ต่อสู้ไปนั้นเป็นการตอบคำถามที่ตรงกับดีเอสไอหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าตนมีหลักฐานที่จะไปต่อสู้ในชั้นศาล และจะไปร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ ส่วนคดีฟอกเงินที่เชื่อมโยงถึงนายสามารถนั้น ตนไม่ได้กังวลอะไร ขอโฟกัสคดีหลักก่อน ซึ่งจะต้องไปดูว่าเป็นการฟอกเงินจริงหรือไม่