ประวัติวันมาฆบูชา 2568 บทสวดมนต์ เวียนเทียน เสริมสิริมงคลชีวิต

ประวัติวันมาฆบูชา 2568 ความสำคัญวันมาฆบูชา บทสวดมนต์ เวียนเทียน ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสริมความเป็นสิริมงคล กับสิ่งที่ชาวพุทธควรพึงปฏิบัติ
ประวัติมาฆบูชา 2568 ความสำคัญวันมาฆบูชา บทสวดมนต์ เวียนเทียน ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสริมความเป็นสิริมงคล กับสิ่งที่ชาวพุทธควรพึงปฏิบัติ
วันมาฆบูชา 2568 ปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญ
- วันนั้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
- พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้ นัดหมาย
- พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6
- พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจ้า
เพราะเหตุที่มีองค์ประกอบสำคัญดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 'วันจาตุรงคสันนิบาต' และในโอกาสนี้พระพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศหลักการอุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา
กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในวันมาฆบูชา 2567
วันมาฆบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่น ๆ เช่น ไปวัดรับศีล งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน (ปล่อยนก ปล่อยปลา) ฟังพระธรรมเทศนา และไปเวียนเทียนรอบโบสถ์ในเวลาเย็น
ก่อนทำการเวียนเทียนพุทธศาสนิกชนควรร่วมกัน 'ปฏิบัติภาวนา' ใน 'วันพระอุโบสถ' ซึ่งเป็นหน้าที่ตามปกติของชาวพุทธ กล่าวคำสวดมนต์และคำบูชาในวันมาฆบูชา โดยปกติตามวัดต่าง ๆ จะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนทำการเวียนเทียน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ (โดยมีพระภิกษุสงฆ์นำเวียนเทียน) ในเวลาประมาณ 20.00 น.
วันมาฆบูชา 2568 ขณะเวียนเทียน ควรปฎิบัติอย่างไร
การเวียนเทียน เชื่อกันว่า จะทำให้ จิตใจตื่นเบิกบาน เกิดความปิติยินดี ทำให้จิตใจสงบบริสุทธิ์ เป็นสมาธิ และเกิดปัญญา ฉะนั้นการสำรวมและทำจิตใจให้สงบ ถือเป็นสิ่งที่ควรปฎิบัติ มีอะไรอีกบ้าง ดังนี้
- เมื่อเริ่มเวียนเทียนให้สำรวม กาย วาจา ใจ
- รักษาระยะห่างการเดินให้ห่างจากคนข้างหน้า ไม่ให้ความร้อนจากธูป เทียน เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
- เดินเวียนเทียนอย่างเป็นระเบียบ ไมเดินแซงกัน ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
- ไม่พูดคุย หยอกล้อ ส่งเสียงระกวนผู้อื่นขณะเวียนเทียน
- เจริญจิตภาวนาระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
- หลังจากเวียนเทียนครบ 3 รอบ ให้นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางและปักบูชาในที่ที่จัดเตรียมไว้
บทสวดมนต์เวียนเทียน วันมาฆบูชา 2568
- เวียนเทียน รอบที่ 1 สวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธ
“อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ”
- เวียนเทียน รอบที่ 2 สวดมนต์ระลึกถึงพระธรรม
“สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ”
- เวียนเทียน รอบที่ 3 สวดมนต์ระลึกถึงพระสงฆ์
“สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ”
บทสวดมนต์ วันมาฆบูชา
(หันทะ มะยัง มาฆะปะณามะคาถาโย ภะณามะเสฯ)
มาฆะนักขัตตะยุตตายะ ปุณณายะ ปุณณะมายัง โย อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา โคตะโมหะโย
สุทธานันตะทะยาณาโณ สัตถา โลเก อะนุตตะโร วิหะรันโต ราชะคะเห มาฆะทานัง คิริพภะเย
วิหาเร เวฬุวะนัมหิ กะลันทะกะนิวาปิเย สังฆัสสะ สันนิปาตัมหิ อุตตะเม จะตุรังคิเก อัฑฒะเตระสะหัสเสหิ
ภิกขูหิ ปะริวาริโต ตีหิ คาถาหิ สังขิปปัง สัพพัง พุทธานะ สาสะนัง สะโมสาเรหิ โอวาทัง ปาฏิโมกขัง อะนุตตะรัง
ตะเมวัมภูตะสัมพุทธัง สักขีณาสะวะสาวะกัง จิระกาละมะตี ตัมปิ ปะสาเทนะ อะนุตตะรัง อะยัมปิ ปะริสา สัพพา
ปะสันนา ธัมมะคามินี สัมปัตตา ตาทิสักการัง สุนักขัตตัง สุมังคะลัง ทีปะธูปาทิสักกาเร อะภิสัชชิ ยะถาพะลัง
เตหิ ปูเชตะเวหัตถะ ตุฏฐะ อิธะ สะมาคะตา อะภิวันทะติ ปูเชติ ภะคะวันตัง สะสาวะกัง กาเลนะ สัมมุขีภูตัง
อะตีตารัมมะนัตตะนา โอสาเรนะตัง ปาฏิโมกขัง วิสุทธักขะมุโปสะเถ อิโตชะเน สุปุญเญนะ โสตถี โหนตุ สะทาปิโน
สาสะนัง สัตถุ อัมหากัง จิรัง ติฏฐะตุ ตาทิโนติฯ
คำบูชาดอกไม้ธูปเทียน วันมาฆบูชา
อัชชายัง มาฆะปุณณะมี สัมปัตตา มาฆะนักขัตเตนะ ปุณณะ จันโท ยุตโต
ยัตถะ ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ จาตุรังคิเก สาวะกะสันนิปาเต
โอวาทะปาติโมกขัง อุททิสิ ตะทา หิ อัฑฒะเตระสานิสัพเพสังเยวะ ขีณาสะวานัง
สัพเพ เต เอหิภิกขุกา สัพเพปิ เต อะนามันติตาวะ ภะคะวะโต สันติกัง
อาคะเต เวฬุวะเน กะลันทะกะนิวาเป มาฆะปุณณะมิยัง วัฑฒะมานะกัจฉายายะ
ตัส๎มิญจะ สันนิปาเต ภะคะวา วิสุทธุโปสะถัง อะกาสิ อะยัง อัม๎หากัง ภะคะวะโต
อโกเยวะ สาวะกะสันนิปาโต อะโหสิ จาตุรังคิโก อัฑฒะเตระสานิ ภิกขุสะตานิ
สัพเพสังเยวะ ขีณาสะวานัง มะยันทานิ อิมัง มาฆะปุณณะมี นักขัตตะสะมะยัง
ตักกาละสะทิสัง สัมปัตตา จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะระมานา
อิมัส๎มิง ตัสสะ ภะคะวะโต สักขิภูเต เจติเย อิเมหิ ทีปะธูปะปุปผาทิสักกาเรหิ ตัง
ภะคะวันตัง ตานิ จะ อัฑฒะเตระสานิ ภิกขุสะตานิ อะภิปูชะยามะ สาธุ โน ภันเต
ภะคะวา สะสาวะกะสังโฆ สุจิระปะรินิพพุโต คุเณหิ ธะระมาโน อิเม สักกาเร
ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ อัม๎หากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
บทสวดมนต์ โอวาทปาฏิโมกข์ (โอวาทปาติโมกข์)
(หันทะ มะยัง โอวาทะปาฏิโมกขะคาถาโย ภะณามะ เสฯ)
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณังกุสะลัส สูปะสัมปะทา
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง เอตัง พุทธานะ สาสะนังฯ
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโตฯ
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต ปาติโมกเข จะ สังวะโร
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง
อะธิจิตเต จะ อาโยโค เอตัง พุทธานะสาสะนังฯ