'กรรมการบริษัท' สาวใหญ่โดนจับ สรรพากรปราบปลอมใบกำกับภาษี 113 ล้าน

อัปเดตล่าสุด 'กรรมการบริษัท' โดนจับอีก! สรรพากรปราบปลอมใบกำกับภาษี เสียหาย 113 ล้าน ตำรวจบุกจับสาวใหญ่ที่แท้แค่อดีตแม่บ้าน
ตรวจสอบอัปเดตล่าสุด กรณี 'กรรมการบริษัท' โดนจับอีก! สรรพากรปราบ ใบกำกับภาษีปลอม เสียหาย 113 ล้าน ตำรวจบุกจับสาวใหญ่ที่แท้แค่อดีตแม่บ้าน
ตำรวจสอบสวนกลาง CIB บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุมสาวใหญ่ชาวไทย ในความผิดฐาน
- ร่วมกันออกใบกำกับ ภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องพัก ถ.ลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก กรมสรรพากร ได้มาร้องทุกข์ที่ กก.2 บก.ปอศ. ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญาความผิดกับ บริษัทแห่งหนึ่ง และ ผู้ต้องหาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทฯ ในข้อหาร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกฯ
กล่าวคือ ในช่วงเดือน ต.ค. 2566 บริษัทดังกล่าว มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง แต่เจ้าพนักงานกรมสรรพากรตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าว ไม่มีการประกอบกิจการ สถานประกอบการดังกล่าวจริง
โดยสถานที่ตั้ง บริษัทมีลักษณะเป็นเพียงบ้านเช่า ไม่พบการประกอบกิจการของบริษัท
สอบถามผู้อาศัยข้างเคียงให้การว่า บริษัทดังกล่าว ไม่ได้มีการประกอบกิจการแต่อย่างใด อีกทั้งไม่สามารถติดต่อได้ กรมสรรพากรจึงเชื่อได้ว่า บริษัทดังกล่าวมีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากเป็น บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาที่จะประกอบกิจการจริง ประกอบกับ บริษัทดังกล่าวไม่ส่งมอบเอกสารให้เจ้าพนักงานกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบ แต่บริษัทดังกล่าวได้ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกช่วงเดือนภาษี ส.ค. 66 ถึงเดือนภาษี ม.ค. 59 ให้กับผู้ประกอบการรายอื่น
ประกอบกับกรมสรรพากรได้รับแจ้งจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ต่าง ๆ พบว่ามีใบกำกับภาษีขายที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ออกโดยบริษัทนี้ไปยังผู้ประกอบเพื่อใช้ยื่นขอเครดิตภาษี (ขอคืน) ต่อกรมสรรพากร รวมใบกำกับภาษีจำนวน 188 ฉบับ
ซึ่งใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น และไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริงแต่อย่างใด ซึ่งได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 131 ล้านบาท
ข้อมูลดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่า การออกใบกำกับภาษีดังกล่าวเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้ออกหมายเรียกเพื่อติดต่อตัวกรรมการมาทราบข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบพนักงานสอบสวนตามที่ออกหมายเรียกไป จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลเพื่อออกหมายจับ นำตัวกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังจากที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนมาโดยตลอด ประกอบกับหมายจับใกล้จะหมดอายุความในอีก 2 เดือนเศษ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง
จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหา อยู่ในพื้นที่ ถนนลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จึงติดตามกระทั่งพบตัวผู้ต้องหา ทำการจับกุมและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
การปฏิบัติภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ.
สั่งการให้ พ.ต.ต.นพคุณ ทัศนมาลัย สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ปอศ. ดำเนินการ
อ้างอิง ตำรวจสอบสวนกลาง