เตือนรับมือ "ฝน 100 ปี" ดร.เสรี คาดการณ์ กรุงเทพฯจมบาดาล ในอีก 20 ปีข้างหน้า

เตือนรับมือ "ฝน 100 ปี" ดร.เสรี คาดการณ์ กรุงเทพฯจมบาดาล ในอีก 20 ปีข้างหน้า

"ดร.เสรี" เตือนรับมือ "ฝน 100 ปี" ในช่วง 3 เดือนนี้ (ก.ย. - พ.ย. 65) คาดการณ์ "กรุงเทพฯ" จมบาดาลในอีก 20 ปีข้างหน้า จี้รัฐยกเป็น "วาระแห่งชาติ" อย่าโยนเป็นแค่หน้าที่ของ ผู้ว่าฯกทม.

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ หรือ "ดร.เสรี" ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ออกมาเตือนภัย "น้ำท่วมใหญ่" ของประเทศไทยถึงขั้น "กรุงเทพฯจมบาดาล" ใน 20 ปีข้างหน้า

 

 

ทั้งนี้ "ดร.เสรี" ยังเตือนอีกว่า ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2565 ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนตกหนักมากขึ้นและระยะเวลายาวขึ้น ไม่รู้พายุจะเข้าช่วงไหน จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ปีนี้พายุอาจจะเข้าไทย 2-3 ลูก และอาจมีโอกาสเป็น "ฝน 100 ปี" เทียบกับเคสน้ำท่วมกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นฝนตกหนักมากในรอบ 80 ปี

 

ดร.เสรี กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์จะเหมือนกับน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 เพราะปริมาณน้ำฝนเท่ากัน แต่ลักษณะการท่วมแตกต่างจากปี 54 ที่มาเร็วจากน้ำหลากและระบายน้ำจากเขื่อนใหญ่ แต่ปีนี้มาจากน้ำฝน แนวพายุเข้าที่อาจจะเลื่อนมาภาคกลาง ซึ่งจะทำให้น้ำเต็มทุ่งจนล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ แถมตอนนี้เขื่อนป่าสักฯน้ำก็ใกล้จะเต็มเขื่อน ต้องเร่งระบายน้ำมาฝั่งตะวันออกไปทางคลองรังสิตและทางฝั่งตะวันตก ดังนั้นขอให้คนกรุงเทพฯเตรียมตัวป้องกันไว้

 

พร้อมเตือนด้วยว่าในช่วง 3 เดือนนี้ (กันยายน - ตุลาคม - พฤศจิกายน 2565) จะมีฝนตกหนักมากและตกยาวนาน ส่วนพายุที่จะเข้ามาอาจจะรู้ล่วงหน้าได้ประมาณ 10 วัน ปริมาณฝนจะตกเท่าไหร่ พื้นที่ลุ่มทุ่งเจ้าพระยา พื้นที่รับน้ำหน่วงน้ำ ชาวนาจะเก็บเกี่ยวข้าวได้หมดใน 15 วันหรือไม่ ดังนั้นจะต้องทำฉากทัศน์ จำลองสถานการณ์ล่วงหน้าไว้หลาย ๆ แบบ นำข้อมูลมาแจ้งประชาชนให้เข้าใจ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ประท้วงเวลาเปิดประตูระบายน้ำแต่ประชาชนไม่อยากให้เปิด

 

"กรุงเทพฯและปริมณฑล มีความเสี่ยงสูงมากที่จะจมใต้น้ำ อาจต้องย้ายเมืองหลวงหากไม่ทำอะไร เพราะทุก 10 ปีจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรนิ่งเฉย ต้องออกมาตรการป้องกัน"

 

เตือนรับมือ \"ฝน 100 ปี\" ดร.เสรี คาดการณ์ กรุงเทพฯจมบาดาล ในอีก 20 ปีข้างหน้า

 

 

ปัญหา "น้ำท่วมกรุงเทพฯ" ดร.เสรี เปิดเผยว่ามีปัจจัยหลักมาจาก 3 ส่วน คือ

 

  1. ปริมาณน้ำฝน ซึ่งปีนี้มีฝนตกชุกจากพายุ 8 ลูก ยังเหลืออีก 15 ลูก ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงน้ำรอการระบาย แต่หากเจอปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในระดับฝน 100 ปี หรือสูงกว่า 1,200 มิลลิเมตร จะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งพบว่าจะมีปริมาณน้ำฝนสูงเกิน 1,200 มิลลิเมตรอย่างต่อเนื่องในอนาคต
  2. น้ำหลาก หรือน้ำล้นฝั่ง ซึ่งเกิดจากปริมาณฝนที่ตกในตอนบนของประเทศ ในปีนี้พบว่าจะหนักสุดช่วงเดือนตุลาคม 
  3. น้ำทะเลหนุน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลเมื่อจะเกิดระดับน้ำทะเลสูงอย่างถาวร

 

ดร.เสรี กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC) , งานวิจัยจากญี่ปุ่น และงานวิจัยของ NASA พบว่าจะมีน้ำท่วมชายฝั่งอย่างถาวรในอนาคต ดังนั้นเมื่อบวกรวมกับปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำหลาก กรุงเทพจึงเหมือนถูกแซนวิช หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะจมบาดาล

 

สำหรับแนวทางในการเตรียมรับมือนั้นต้องดันเป็น "วาระแห่งชาติ" ไม่ใช่แค่หน้าที่ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น เนื่องจากต้องมีการสร้างแนวเขื่อนชายฝั่งเหมือนประเทศเกาหลี สร้างกั้นน้ำทะเลที่ชางฮี ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 30 ปี นอกจากนี้ต้องขยายระบบการระบายน้ำของกรุงเทพฯใหม่ทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่าที่มีอยู่รับมือไม่ได้แล้ว รูปแบบโครงการจะสามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และฉะเชิงเทรา แต่จะกระทบความเป็นอยู่และวิถีชีวิตอย่างมาก เช่น การสร้างถนนจากพัทยา-ชะอำ ต้องมีการพัฒนาตามแนวถนน หรือการสร้างเขื่อนแนวชายฝั่งที่ส่งผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการประมงชายฝั่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และขณะนี้ยังไม่มีการเริ่มดำเนินการ

 

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในปีนี้ นอกจาต้องรีบขุดลอกคลอง ลอกท่อระบายน้ำ จะต้องหาพื้นที่หน่วงน้ำเหนือ หาพื้นที่ชุ่มน้ำในกรุงเทพฯเพื่อรับน้ำ พร้อมประสานไปยังจังหวัดต่าง ๆ ให้ช่วยหาพื้นที่หน่วงน้ำ

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ "ดร.เสรี" ได้โพสต์เรื่องราวที่น่าสนใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์" เพื่อ เตือนคนไทยให้เตรียมรับมือ "พายุ 15 ลูก" และให้ระวัง "น้ำท่วมใหญ่" ช่วงปลายปี 65 พร้อมระบุถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 65 ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครบทั้ง 3 ปัจจัยนี้

 

  1. ปริมาณฝนสะสมช่วงก่อนฤดูฝนมากกว่าค่าปกติ
  2. ปรากฏการณ์ลานิญญายังทรงพลังช่วงปลายปีทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกสูงกว่าฝั่งตะวันออก ความชื้นสูง
  3. ปรากฏการณ์ไอโอดีเป็นลบทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียสูงกว่าฝั่งตะวันตก ความชื้นสูง

 

ปริมาณฝนคาดการณ์ช่วงปลายปี 2565 (สิงหาคม - พฤศจิกายน) มีสูงกว่าค่าปกติ และมากกว่าปี 64 ที่ผ่านมา หากปริมาณฝนในภาคกลางมีมากกว่า 18% ของค่าปกติ มีความเสี่ยงสูงจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 แต่พฤติกรรมน้ำหลากจะไม่เหมือนกัน (ถ้าฝนตกเหนือเขื่อน ปริมาตรรองรับน้ำเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนือยังมีประมาณ 50% แต่หากตกใต้เขื่อน จะสร้างปัญหาให้กับภาคกลางแบบน้ำท่วมทุ่ง ค่อย ๆ หลากเข้าเมือง) สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนกลาง ตอนล่าง) ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้เช่นกัน

 

"ดร.เสรี" รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นผู้ที่ออกมาเตือนก่อนเกิดน้ำท่วม ปี 54 โดยในช่วงนั้นมีการแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ กระทั่งสุดท้ายเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ดังที่ออกมาเตือน

 

เตือนรับมือ \"ฝน 100 ปี\" ดร.เสรี คาดการณ์ กรุงเทพฯจมบาดาล ในอีก 20 ปีข้างหน้า

 

เตือนรับมือ \"ฝน 100 ปี\" ดร.เสรี คาดการณ์ กรุงเทพฯจมบาดาล ในอีก 20 ปีข้างหน้า