โปรตีนรั่วในปัสสาวะ.. ควรระวังโรค "ไตอักเสบ"
พาไปรู้จัก "ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ" หนึ่งในอาการของโรค "ไตอักเสบ" นำไปสู่ "ไตวาย" ในอนาคต ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาได้ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้น้อย หากมีความกังวลสามารถสังเกตอาการได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง
พญ.รัตติยา เภาทอง อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคไต คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ หรือที่เรียกว่า "ภาวะเนฟโฟรติก" เกิดจากความผิดปกติของไต ทำให้มีการรั่วของโปรตีนอัลบูมินออกมาในปัสสาวะปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดอาการบวมตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาทั้งสองข้าง ซึ่งสาเหตุของการเกิดโปรตีนรั่วในปัสสาวะนั้นยังไม่ทราบชัดเจน บางรายอาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
ภาวะเบาหวาน ยาบางชนิด การติดเชื้อ โรคกลุ่มออโตอิมมูน เป็นต้น อาการแทรกซ้อนจากภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ ภาวะแทรกซ้อนจากตัวโรคเอง และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการรักษา
อาการของภาวะเนฟโฟรติก
- ปัสสาวะมีฟอง
- อาการบวมบริเวณท้อง แขน ขา ข้อเท้า เท้า และรอบดวงตาโดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
การป้องกันภาวะเนฟโฟรติก
ภาวะนี้ไม่สามารถป้องกันโดยตรง แต่การปฏิบัติตัวเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตทำงานผิดปกติร่วมด้วยได้
- รักษาโรคประจำตัวให้ดี เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางไต
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลเสียต่อไต เช่น ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งส่งผลข้างเคียงอันตรายต่อไตทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง
- ควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร น้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่ชัดเจน การตรวจที่บอกได้แน่ชัดคือ การตรวจวัดปริมาณ โปรตีนที่รั่วในปัสสาวะ หากพบว่ามีอาการเข้าข่ายควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
สำหรับการรักษาภาวะเนฟโฟรติก ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดโรค อย่างไรก็ตามยาที่ใช้รักษาอาจมียาในกลุ่มสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดยาหรือซื้อยามารับประทานเอง ที่สำคัญควรดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร โดยเลือกอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ทั้งรสหวานและรสเค็ม เพื่อให้การรักษาได้ประสิทธิภาพที่ดี และป้องกันภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาการติดเชื้อที่สามารถเกิดขึ้นได้