แนวคิดการออกแบบ 'KingBridge Tower' โดย เครือสหพัฒน์
อ่านแนวคิดการออกแบบ KingBridge Tower โดย เครือสหพัฒน์ และเบื้องหลังแรงบันดาลใจที่มุ่งสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าที่มอบความสุขให้คนทำงานและชุมชน
อาคารสำนักงานให้เช่า KingBridge Tower โดย บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ บริษัทใน เครือสหพัฒน์ ที่ตั้งตระหง่านเป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล บนถนนพระราม 3 ออกแบบภายใต้แนวคิด The Spirit of Synergy เชื่อมทุกความสำเร็จอย่างยั่งยืน ได้รับเลือกให้เป็น "โครงการต้นแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม" ตามหลัก CECI หรือกลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โมเดลตามหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Models) มาใช้พัฒนาโครงการในทุกมิติ ด้วยงบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ความสำเร็จที่ว่านี้ เกิดขึ้นจากการผนึกพลังระหว่างเครือสหพัฒน์และพาร์ตเนอร์ด้านการก่อสร้าง สถาปัตยกรรม และการออกแบบทั้งในไทยและนานาชาติมาร่วมกันสร้างสรรค์ เพื่อให้ตอบคุณภาพชีวิตของการทำงานที่เข้าอกเข้าใจและสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน
ธนินธร โชควัฒนา ผู้อำนวยการโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการปลุกปั้น KingBridge Tower ให้กลายเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าที่คำนึงถึงความสุขของผู้คนทั้งภายในอาคารและชุมชนโดยรอบว่า อาคาร คิงบริดจ์ ทาวเวอร์เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะพัฒนาชุมชน สร้างอาชีพ สร้างชุมชนที่มีความสุข ย่านพระราม 3 ซึ่งเป็นย่านที่เครือสหพัฒน์เติบโตมาให้ดีและเติบโตไปพร้อมกัน อีกทั้งย่านพระราม 3 เป็นย่านสำคัญทางเศรษฐกิจ เชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญอย่างสาทรและสีลม เชื่อว่าย่านธุรกิจและที่อยู่อาศัยจะขยายมาทางพระราม 3 มากขึ้น จึงตั้งใจพัฒนา คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ให้เป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่กับสะพานภูมิพล และเป็นความภาคภูมิใจของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้
KingBridge Tower ยังถือเป็นอาคารสูงแห่งแรกของ เครือสหพัฒน์ หลังผ่านการดำเนินงานมากว่า 80 ปี ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างให้เป็นบ้านหลังแรกเพื่อให้บริษัทในเครือได้มาอยู่ร่วมกันและเป็นพื้นที่ให้พันธมิตรได้มาพบปะ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทุกๆ องค์กรได้เติบโตมากยิ่งขึ้น นำไปสู่แนวคิด "The Spirit of Synergy" เชื่อมทุกความสำเร็จอย่างยั่งยืน
"เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะให้ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เป็นบ้านที่ทุกๆ องค์กรจะรวมพลังกันสร้างความสำเร็จ สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่สังคมและชุมชน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่างๆ พาร์ทเนอร์ และทุกๆ คนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้อาคารและ facilities และยังเผื่อแผ่ไปถึงชุมชนและสังคมอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นคำว่า Synergy นอกจากหมายถึงการรวมตัวกันของผู้คนและองค์กรแล้ว ในทางการออกแบบ เรามีโจทย์ว่าจะต้องไม่เบียดเบียน คืออยู่ร่วมกับสะพานและบริบทโดยรอบอย่างกลมกลืนสอดประสานไปกับสะพานภูมิพล ทั้งทัศนวิสัยที่กลมกลืนและสอดคล้องไปกับบริบทโดยรอบของผู้คนในชุมชน"
"ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่อกรุงเทพมหานคร จึงได้เลือกพันธมิตรมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญอย่าง A49 สถาปนิกผู้ออกแบบหลักของโครงการ มาร่วมออกแบบตึกคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ อีกทั้งยังได้ Mott Macdonald บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาระดับโลก ผู้ออกแบบวิศวกรรมโครงสร้างให้กับสะพานภูมิพลและผลงานระดับโลกหลายโครงการมาผนึกพลังร่วมกัน รวมถึงพันธมิตรมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Thai Obayashi ผู้ดำเนินงานก่อสร้างหลัก (Main Contractor) และบริษัท Stonehenge Inter ในฐานะผู้ควบคุมงาน, เครือ SCG, และกลุ่มบริษัท YSH ผู้ดูแลงาน Façade และพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เป็น Iconic building สัญลักษณ์แห่งใหม่ที่โดดเด่นสง่างามด้วยวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนพระราม 3"
เมธินทร์ จันทรอุไร กรรมการบริหาร บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด เผยมุมมองในมุมของนักออกแบบตั้งแต่การตีความคำว่า "สถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล" ที่เป็น Iconic building และการแก้โจทย์ "ไม่เบียดเบียน แต่กลมกลืน" ไปกับบริบทและความงดงามของสะพานภูมิพลว่า คำว่า Iconic building ของเราคือ ต้องการสร้างอาคารที่มีเสน่ห์ อาจจะเป็นอาคารที่ไม่ได้หันมองทันทีก็ได้ แต่ถ้าคุณได้หันมามองแล้วจะสะกดคุณได้ทันที โดดเด่นอยู่คู่กับสะพานภูมิพล ซึ่งเรียกว่าเป็น Harmonious Approach คือไม่ได้สร้างมาแข่งกัน แต่มาเสริมกัน ส่วนคำว่า "ไม่เบียดเบียน" ต้องเริ่มต้นจากการที่อาคารต้องไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม นั่นคือเรื่องความยั่งยืน จึงนำแนวคิด Passive Design หรือสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โดยออกแบบขึ้นจากสภาพแวดล้อมจริงในพื้นที่ ทั้งเรื่องแรงต้านลมที่ปะทะตัวอาคารในระดับความสูงที่แตกต่างกัน และการเปิดพื้นที่เพื่อต้อนรับธรรมชาติในทุกประสาทสัมผัส หากลองสังเกตจะเห็นว่าตัวอาคารมีลักษณะเหมือนเอียงสอบขึ้นแล้วโค้งตรงมุมปลายอาคารตามอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดแรงต้านของลม ร่วมกับอาคารที่เปลี่ยนระนาบ 2 ช่วง ซึ่งออกแบบเป็นช่องลมลอดเพื่อลดแรงต้านอากาศ
ภูมิอากาศเมืองร้อนก็เป็นโจทย์ที่ส่งผลต่อโครงสร้างสถาปัตยกรรมของ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ สถาปนิกจึงติดตั้งฟินตามแนวนอนรอบอาคารที่ยื่นมากน้อยต่างกันไปตามระดับแสงแดดที่ส่องถึง เพื่อให้เป็นร่มเงาให้ตึก ลดความร้อนที่เข้ามาในตัวอาคาร ทำให้ใช้แอร์ลดลงและปล่อยความร้อนออกจากตัวอาคารน้อยลง
การออกแบบที่ตอบโจทย์แนวคิด Synergy สะท้อนผ่านพื้นที่ส่วนกลางหรือ Re-tell (Retail) พื้นที่ที่ดีไซน์ให้เป็น Open Space เพื่อเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และทำกิจกรรม ยกแคนทีนขึ้นมาบนชั้น 3 ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับสะพานภูมิพล พร้อมสาธารณูปโภคส่วนกลางครบครัน ผู้ใช้งานได้เห็นวิวโค้งน้ำ วิวเมือง กระโดงสะพาน และรายล้อมไปด้วยสวนธรรมชาติ ที่ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นมุมรับประทานอาหารกลางวัน พื้นที่ระดมสมอง ประชุมกึ่งทางการ หรือจะวิ่งจ็อกกิงตอนเย็น กลายเป็นพื้นที่มีความหมายและทำให้ผู้คนมีรอยยิ้มและความสุข แนวคิด Synergy กินพื้นที่ไปถึงชั้นที่มี Water Scape ด้านบนที่เป็นพื้นที่กิจกรรมที่เป็นเหมือนกับสะพานที่ยื่นออกมาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดกิจกรรม โดยมีฉากหลังเป็นวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
นอกจากกระบวนการออกแบบอาคารที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ คุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานภายในอาคารเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญอย่างมาก ภายในอาคารติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศ MERV 14 กรองอากาศ ฝุ่นละออง และมลภาวะ PM 2.5 ได้มากกว่า 90% อีกด้วยตามมาตรฐานสากลต่างๆ อาทิ LEED Gold, Fitwel ระดับสูงสุด 3 ดาว ประเภท Multi-tenant base building อาคารแรกในไทยและในเอเชีย เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคารระดับสากล และเป็นโครงการต้นแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมตามหลัก CECI หรือกลุ่มความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจหมุนเวียน ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของแนวคิดและการออกแบบ KingBridge Tower ให้เป็นสถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล และด้วยแนวคิด The Spirit of Synergy ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างการเติบโตขององค์กรไปพร้อมกับสร้างความสุข สร้างรอยยิ้ม สร้างความเบิกบาน ผ่านความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนและประเทศ ที่เครือสหพัฒน์ทำมาตลอด ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก