ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่)
ในหลวง พระราชินี ทรงเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
วันนี้ (11มิ.ย.66) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินจากอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ ภาค 8 ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพลับพลาพิธีทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นางบุญวันดี วุ่นซิ้ว นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กราบบังคมทูลรายงานประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่)
พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กราบบังคมทูลเบิกผู้ทำคุณประโยชน์แก่จังหวัดภูเก็ต เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จออกจากพลับพลาพิธี ทรงปลูกต้นประดู่ ซึ่งเป็นไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต ไว้เป็นที่ระลึก
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก ต่อจากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ แล้วประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
อาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ก่อสร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังเก่า) ซึ่งใช้งานมาเป็นระยะเวลากว่า 100 ปี มีสภาพคับแคบ และไม่เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน โดยจังหวัดภูเก็ตดำเนินการก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) ในพื้นที่ศูนย์ราชการจังหวัดภูเก็ต
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กแบบจัตุรมุข ขนาดความสูง 5 ชั้น มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบชิโนยูโรเปียน ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อพุทธศักราช 2565 ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่)
ในครั้งนี้ มีราษฎรมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ทุกคนพร้อมใจกัน โบกธงพระปรมาภิไธย “ว.ป.ร.” และธงพระนามาภิไธย “ส.ท.” พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวงสำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยมีรายการอาหารและน้ำดื่ม การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้