ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังใหม่)
ในหลวง พระราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังใหม่) ถนนศูนย์ราชการ ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
วันนี้ (30 ก.ย.66) เวลา 17.41น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยและนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล 3 เนื้อ (เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อทองแดง) และของที่ระลึก
ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กราบบังคมทูลถวายรายงานประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดนราธิวาส(หลังใหม่) และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลากลางจังหวัดนราธิวาส(หลังใหม่)
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังแท่นพิธีทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังใหม่) พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กราบบังคมทูลเบิกผู้ทำคุณประโยชน์แก่จังหวัดนราธิวาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลา ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา
ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปทรงปลูกต้นตะเคียนชันตาแมว ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนราธิวาส สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ แล้วประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
จังหวัด “นราธิวาส” เดิมชื่อ “มะนารอ” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อเป็น “นราธิวาส” หมายถึง “ที่อยู่อันยิ่งใหญ่ของประชาชน” ปัจจุบันแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ และเป็นที่ตั้งของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นที่ประทับแรมในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคใต้ และเป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งขึ้น เพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องตามภูมิสังคมและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกรผู้สนใจ ในลักษณะของ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต”
ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (หลังใหม่) ตั้งอยู่ที่ถนนศูนย์ราชการ ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กแบบจัตุรมุข 4 ชั้น รูปแบบสถาปัตยกรรมสวยงามเป็นอัตลักษณ์โดดเด่น สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองและการขยายตัวของส่วนราชการ เนื่องจากอาคารศาลากลางฯ (หลังเก่า) มีพื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอ มีส่วนราชการหลายแห่งที่ต้องไปเช่าอาคารสถานที่ของเอกชน และตั้งอยู่ห่างจากศูนย์ราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการของประชาชน และการรักษาความปลอดภัยให้แก่ข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ รวมถึงยังช่วยป้องกันความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการอีกทางหนึ่งด้วย
ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับหน่วยแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส มาให้การดูแลแจกพิมเสน และผ้าเย็นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารฮาลาล ปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างทั่วถึง ซึ่งมีทั้งราษฎรชาวไทยมุสลิม และชาวไทยพุทธ ที่ต่างตั้งใจมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ด้วยความจงรักภักดีต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านอย่างกึกก้อง ทุกคนต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ได้ชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี อย่างใกล้ชิด