ในหลวง พระราชทานถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภค แก่ผู้ประสบอุทกภัย จ.อยุธยา
ในหลวง โปรดเกล้าฯ ให้ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทาน และเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
วันนี้ (19 ตุลาคม 2566) เวลา 10.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,000 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย และมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในโอกาสนี้ องคมนตรีเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบกับลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ตำบลบ้านแป้ง อำเภอบางไทร จำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา
ในการนี้ องคมนตรี ร่วมประชุมและรับฟังการเกิดอุทกภัย และการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ องคมนตรีเชิญพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั้ง 3 ระยะ ไปกล่าวในที่ประชุมเพื่อให้แต่ละหน่วยงานน้อมนำไปปรับใช้ เพื่อให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดฝนตกสะสมและตกหนักในพื้นที่ และพื้นที่เขตรอยต่อจังหวัด ประกอบกับเป็นทุ่งรับน้ำในฤดูฝนและช่วงฤดูน้ำหลากของแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา และต้องรับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จึงทำให้เกิดน้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลทำให้บ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่นอกคันกั่นน้ำ ริมแม่น้ำ และลุ่มน้ำ ถนน พื้นที่ทางการเกษตร และสิ่งสาธารณประโยชน์ ได้รับความเสียหายใน 9 อำเภอ 70 ตำบล 382 หมู่บ้าน และประชาชนได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ 13,323 ครัวเรือน โดยจังหวัดและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ เป็นการเร่งด่วนด้วยแล้ว