ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ (พระมหาธาตุประจำปีพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีนักษัตรมะโรง)  วัดพระสิงห์ และทรงประกอบพิธีสมโภชพระอัฏฐารส และพระอัครสาวก, ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ เพื่อเชิญไปประดิษฐานเหนือปราสาทเฟื้องสับหลังคาพระวิหาร ณ วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (5 มกราคม 2568) เวลา  17.04 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินถึงยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่  

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

โดยมี กองทหารเกียรติยศ, ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5, แม่ทัพภาคที่ 3, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ 
 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

จากนั้นเวลา  17.44  นาฬิกา 44  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงยัง วัดพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่   ในการนี้ เสด็จเข้าพระวิหารหลวง ทรงรับพัดรองที่ระลึกตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี, ทรงวางพัดรองที่ระลึกฯ ที่โต๊ะหมู่หน้าพระประธานประจำพระวิหารหลวง, ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศบูชา "พระพุทธศรีสรรเพชญ" พระประธานพระวิหารหลวง ทรงกราบ แล้วทรงศีล "พระพุทธศรีสรรเพชร" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นพระประธานเดิมของพระวิหารหลวงหลังเก่าก่อนสร้างขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย
 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

พระวิหารหลวง เป็นสถาปัตยกรรมลานนา กว้าง 24 เมตร ยาว 46 เมตร ผนังและเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก เครื่องบนไม้สักล้วน  หลังคามุงกระเบื้อง มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มีมุขหน้าและมุขหลัง  ส่วนพระวิหารหลวงเดิมเป็นแบบจตุรมุข ต่อมาได้ปรับปรุงให้เหลือเพียงมุขหน้าและมุขหลัง

จากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังพระวิหารลายคำ  ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์ พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่โบราณกาล หล่อสำริดลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิเพชร  หน้าตักกว้าง 1 เมตร สกุลช่างแบบเชียงแสน 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ในพระวิหารลายคำ ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสังข์ทองและสุวรรณหงส์ เป็นผลงานสะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวเชียงใหม่
 
ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

อีกหนึ่งปูชนียสถานสำคัญในวัดนี้ คือ “พระมหาธาตุเจดีย์” เป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรมะโรง สร้างขึ้นในสมัยพญาผายูหรือพระเจ้าผายู  ต่อมาพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เจ้าแก้วนวรัฐ  ครูบาศรีวิชัย และพุทธศาสนิกชน ได้บูรณปฏิสังขรณ์และเสริมสร้างให้สูงใหญ่  ภายในองค์พระธาตุ ประดิษฐานพระเกศาธาตุ  ปัจจุบัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังสีทองอร่าม ซึ่งแต่เดิมมีสีขาว 

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงชักสายสูตรห่มผ้าที่องค์ “พระมหาธาตุเจดีย์” ซึ่งเป็นพระมหาธาตุประจำปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ กลองชุมประโคมถวายเป็นพุทธบูชา ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
 ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินจากลานพระมหาธาตุเจดีย์ ไปยังพระวิหารหลวง  ระหว่างเส้นทางที่ทรงพระดำเนินผ่าน  มีการแสดงฟ้อนถวายพุทธบูชา เป็นการฟ้อนเล็บประกอบวงกลองตึ่งโนง ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ 
     

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ตลอดเส้นทางตกแต่งด้วยเครื่องสักการะบูชา หรือ "ขันดอก" บรรจุข้าวตอก ดอกไม้ ธูป เทียน ตัวขันสร้างจากโลหะ หรือไม้ ตกแต่งด้วยงานลงรัก ปิดทอง ประดับกระจก อันเป็นงานหัตถศิลป์พื้นเมืองของล้านนา 
 

เวลา  18.29  นาฬิกา   เสด็จพระราชดำเนินไปยัง พระวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่  ทรงประกอบพิธีสมโภชพระอัฏฐารส และพระอัครสาวก  และทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีกริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานเหนือปราสาทเฟื้องสันหลังคาพระวิหารหลวง
 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ในการนี้ ทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระกรัณฑ์ แล้วทรงหยิบพระกรัณฑ์ลงในยอดฉัตรทองคำ  จากนั้น พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในยอดฉัตรทองคำ แก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานที่บุษบกหน้าพระอัฏฐารส พระประธาน​ประจำพระวิหารหลวง เป็นพระพุทธรูปยืน ปางประทานอภัย หรือปางห้ามญาติ  พระพุทธรูปประจำวัน​จันทร์​ วันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการบูรณะพระอัฏฐารส พระอัครสาวก แท่นแก้ว และชุดหน้าบันพระวิหารหลวง
 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

จากนั้น ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์  ทรงหลั่งทักษิโณทก  พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก 
 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ในโอกาสนี้ พระราชทานของที่ระลึกแก่ ผู้มีจิตศรัทธาบำรุงพระอาราม
 
ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินไปยัง พระธาตุเจดีย์หลวง ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาพระธาตุเจดีย์หลวง ทรงกราบ 
 ในการนี้ เจ้าพนักงานพระราชพิธี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเทียน  ทรงจุดไฟจากโคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปถวายเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เพื่อจุดบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ภายในวัดเจดีย์หลวง ได้แก่ พระเจ้าอุ่มเมือง (เสาอินทขีล เสาหลักเมืองเชียงใหม่), พระเจ้าสมปรารถนา, พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน), และรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง รูปที่ 2 
   

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่

วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง สร้างขึ้นในสมัยพญาแสนเมืองมา เจ้าหลวงพระองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย อายุประมาณ 633 ปี เป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ ด้วยเป็นวัดเก่า จึงทำให้เสนาสนะต่าง ๆ ทรุดโทรมตามกาลเวลา ประกอบกับฝนตกหนัก และเคยเกิดแผ่นดินไหว จึงทำให้พระธาตุเจดีย์หลวงพังทลาย ซึ่งกรมศิลปากรได้บูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อปี 2535

พระเจดีย์หลวง อดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นระยะเวลากว่า 80 ปี  ปัจจุบัน เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุ และพระธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 วัดเจดีย์หลวง ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี 2481 ปัจจุบัน มีพระราชวชิรสิทธิ เป็นเจ้าอาวาส  มีพระสงฆ์และสามเณร รวม 50 รูป 

ในหลวง-ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ จ.เชียงใหม่
 

ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในครั้งนี้  มีราษฎรจากจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ต่างพร้อมใจไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ ด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนิน มีกลุ่มสตรีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่กว่า 500 คน ร่วมฟ้อนเทียน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของภาคเหนือ อย่างงดงาม สมพระเกียรติ จากแสงเทียนที่เป็นประกายขณะที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของเสียงเพลง  
 

จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยัง ท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร.