ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ พระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568
วันนี้ (14 มกราคม 2568) เวลา 17.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปในการพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าท้องพระโรง พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ทรงกราบ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรี แด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 5 รูป
ต่อจากนั้น เสด็จเข้าห้องพระบรรทม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะเทวดารักษาพระมหาเศวตฉัตร และถวายราชสักการะพระแท่นราชบรรจถรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แล้วทรงพระดำเนินไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช
จากนั้น เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้น บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคู่พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลฯ แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ แล้วทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลฯ แด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง, พระราชาคณะ และพระสงฆ์ถวายพระธรรมเทศนา จนครบ ๗๔ รูป
เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระบรมอัฐิทรงธรรม ทรงศีล พระราชญาณวัชรชิโนภาส ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ถวายศีล และถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง ติรัตนกถา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระบรมราชสมภพ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2279 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2352 นับพระชนมวารได้ 26,469 วัน ซึ่งในปีพุทธศักราช 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 73 พรรษา โดยวันที่ 14 มกราคม 2568 นับพระชนมวารได้ 26,469 วัน เป็นสมมงคลเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2568 เพื่อทรงพระราชอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ด้วยทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงวางรากฐานบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นทั้งด้านอาณาจักรและพุทธจักร ทรงเป็นนักรบที่เข้มแข็ง ทรงป้องกันขอบขัณฑสีมาเพื่อรักษาอาณาเขตให้มั่นคงและปลอดภัย ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงเป็นนักปกครอง ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงตระหนักว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งเดียวกันกับชาติและประชาชน ทรงสร้างเครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค อันแสดงถึงความเจริญมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยตั้งมั่นเป็นเอกราช ทรงฟื้นฟูราชประเพณีและประเพณีต่างๆ และทรงสร้างเครื่องประกอบพิธีเพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะ อีกทั้ง เอาพระราชหฤทัยใส่และทรงให้ความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนในด้านต่างๆ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่อาณาราษฎร และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมือง
การทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบุพการี เป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติมาช้านาน พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จะทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชบุพการีในวาระต่างๆ เช่น วันครองสิริราชสมบัติเวียนมาพ้องกัน หรือวันที่พระชนมายุเวียนมาเสมอเท่ากันเป็นครั้งแรก เรียกว่า “สมมงคล” หมายถึง “เสมอกัน”
การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรีนี้ เป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรีทรงปฏิบัติสืบมา อันเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของพระมหากษัตริย์ชาติไทย ที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตา ต่อสมเด็จพระบรมราชบุพการี ให้ราษฎรยึดถือเป็นแบบอย่าง โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีสมมงคลมาแล้ว 4 วาระ คือ การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2508, การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2528, การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2534 และการพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2543
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสำคัญต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทรงแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพระบรมราชบุพการีอยู่เสมอ ทรงทำนุบำรุงศาสนามาอย่างต่อเนื่อง ทรงห่วงใยและเอาพระราชหฤทัยใส่ในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนทุกหมู่เหล่า ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข จึงทำให้พระราชวงศ์จักรียั่งยืนมั่นคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน