เหยื่อที่15 คดี "ปริญญ์"พบ ตร. ทนายตั้ม เผย หัวหน้าพรรคเตือนระวังถูกโต้กลับ
ผู้เสียหายรายที่ 15 ไฮโซสาวคดี "ปริญญ์" เข้าให้การตำรวจแล้ว ทนายตั้มเผย ถูกหัวหน้าพรรคการเมืองเตือนระวังถูกโต้กลับ ไม่แน่ใจวัตถุประสงค์ รับกังวลอาจมีผู้เสียหายปลอมแฝงตัว ดิสเครดิต ต้องระวังมากขึ้น อ้างมี "พล.ต.ต." โผล่เจรจาแม่เหยื่อ
วันที่ 20 เม.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายสาวทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง ในข้อหากระทำอนาจารและข่มขืน รวม 14 คน ว่า ตอนนี้มั่นใจในการทำงานตำรวจว่าถึงแม้จะหลายคดีจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่มีการจัดเก็บพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน สำนวนค่อนข้างแน่น มีจุดบอดเพียงแค่ผู้เสียหายมาช้าไป และเหตุเกิดขึ้นหลายปี แต่ก็ยังไม่ขาดอายุความ ซึ่งพบตัวอย่างในต่างประเทศที่คนใหญ่คนโตถูกดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ
“สำหรับผู้เสียหายรายที่ 15 ซึ่งเป็นไฮโซสาว อายุประมาณ 30 ปีนั้น ได้ประสานผมมานานแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนเพราะเป็นผู้มีชื่อเสียง และเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ในฐานะพยานเมื่อวันก่อนเรียบร้อยแล้ว”
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุเกิดเมื่อปี 2551 หลังจากผู้เสียหายพูดคุยกับผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 4 เดือน ก็ถูกผู้ก่อเหตุพาไปที่ห้องพักในคอนโดเช่นเดียวกับผู้เสียหายรายอื่นๆ จากนั้นถูกลวนลาม จูบปาก แต่สามารถหลบหนีออกมาได้
“ ยังมีผู้เสียหายแจ้งผมมาอีก 2 คน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ และมีผู้เสียหายบางคนแจ้งผมว่ามีการพยายามจ่ายเงินให้จบเรื่อง ขณะนี้มีผู้เสียหายบางรายไม่ให้ความร่วมมือ และไม่อยากติดต่อกับผมแล้ว ซึ่งผมอาจไปยื่นเรื่องกับทางตำรวจ ในเรื่องของบุคคลที่ชักจูงผู้เสียหาย”
ต่อมาเวลา 10.50 น. นายษิทรา ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า กรณีผู้เสียหายรายที่ 15 เป็นไฮโซ ติดต่อเข้ามาบอกว่าเคสตัวเองเกิดเมื่อปี 2551 ซึ่งรู้จักกับฝ่ายชายผ่านอินสตาแกรม 4-5 เดือนก่อนจะโดนล่อลวงไปคอนโดพร้อมเพื่อน แล้วผู้ต้องหาได้ทำการจูบลูบคลำ ไม่ได้ถูกข่มขืน แต่เจ้าตัวไปเป็นพยานในคดีหลายรายแล้ว รวมถึงคดี แอนนา หทัยรัตน์ ซึ่งเหยื่อรายนี้เป็นกรณีที่ ลูกนัท ธนัตถ์ เผยแพร่แชตผ่านเฟซบุ๊กไป ตอนนี้ยังมีคนนัดหมายมาอีก 2 ราย แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เชื่อว่ายังมีเหยื่อติดต่อเข้ามาอีก แม้จะมีคนที่ถูกข่มขืนถอนตัวไป 2 คดีก็ตาม
นายษิทรา กล่าวถึงกรณี พรรคการเมืองได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไร เพราะช้าไปแล้ว อีกทั้งพรรคยังไม่มีอำนาจสอบสวน ตามจริงพรรคน่าจะทราบพฤติกรรมผู้ก่อเหตุมาก่อนแล้ว เรื่องทางอินเตอร์เน็ตก็มีเยอะแยะ การที่พรรคออกมาแถลงขอโทษมองว่าถูกสังคมกดดันมากกว่า
" คดีคงยังไม่ส่งฟ้องเร็วๆ นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันผู้เสียหายเป็นพยาน 3 ราย จาก 12 คน อย่างไรก็ตาม มีผู้ใหญ่ที่สนิทกับผมและหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง มาเตือนว่าให้ระวังโดนพรรคโต้กลับ ก็ไม่ทราบว่าเป็นการเตือนในลักษณะไหน แต่ยอมรับว่ากังวลว่าจะมีคนแฝงตัวมาเป็นผู้เสียหายมาทำให้ดูเป็นเกมการเมือง จนทำให้เหยื่อทั้งหมดดูเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา จากนี้มีใครติดต่อมาต้องระวังมากขึ้น ที่ผ่านมาก็ได้ตรวจสอบทุกเคส บางคนมีแชต ภาพถ่ายหลักฐาน แต่คนที่มาเล่าเหตุการณ์อย่างเดียวก็คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด"
นายษิทรา บอกอีกว่า ตอนนี้ไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายรายแรกแล้ว เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือกับตน ซึ่งมีตำรวจยศพลตำรวจตรีนายหนึ่งคอยมาคุยกับแม่ จึงกังวลว่าจะเป็นคนห้ามผู้เสียหายมาคุย ซึ่งตนเองบอกให้ทำหนังสือมอบฉันทะ ให้ไปค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ศาลแต่เหยื่อรายนี้ก็ไม่ทำ ทั้งนี้ ได้มอบคลิปอีกชิ้นระหว่างผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเป็นหลักฐานให้ตำรวจไปแล้ว