จ่อฟ้องแพ่ง! “วิโรจน์” ควง “เฮียเล้า” ทวง กกต.ปมอุทธรณ์ถูกถอนสิทธิลง ส.ก.
“วิโรจน์” ควง “เฮียเล้า” บุก กกต.ทวงถามความคืบหน้าอุทธรณ์ หลังตัดสิทธิลงสมัคร ส.ก. เหตุเคยเป็นเจ้าของ-ถือหุ้นกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ ยันปิดไปแล้วกว่า 28 ปี ลั่นถ้าไม่แก้ไข เตรียมฟ้องแพ่งเอาผิด เทียบเคส “สุรพล”
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพีรพล กนกวลัย หรือ “เฮียเล้า” ผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท และผู้สมัคร ส.ก. จากพรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่ง เดินทางถึงศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อาคาร B เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความยุติธรรมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีไม่พบชื่อนายพีรพล เป็นผู้สมัคร ส.ก.พรรคก้าวไกล หลังมีการยื่นหนังสืออุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา
เนื่องจากกรณี กกต.ตรวจสอบพบว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (3) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
โดยนายพีรพลได้ยอมรับว่าเคยยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ หรือเป็นเจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ "ท่องธรรมชาติ" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และสิ้นสุดการเป็นเจ้าของกิจการตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 45 หลังตีพิมพ์วารสารได้เพียง 6 ฉบับและยุติกิจการในปีเดียวกัน
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ท่าทีของ กกต. กระทบสิทธิของพีรพลอย่างร้ายแรง เนื่องจากข้อกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจน ว่าสิ้นสุดการเป็นเจ้าของกิจการโดยสมบูรณ์ เชื่อว่าเป็นความบกพร่องของฐานข้อมูล พร้อมกันนี้ยังได้ยกกรณีความผิดพลาดของ กกต. ที่แจกใบส้มให้กับผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 8 เป็นตัวอย่างความเสียหายและการวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความเสียหายกับหลายฝ่าย
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า นี่คือการจงใจทำลายพลังทางการเมืองของพรรคก้าวไกลโดยองค์กรอิสระหรือไม่ เพราะนายพีรพล คือหนึ่งในผู้สมัคร ส.ก. ที่ทำงานในพื้นที่มายาวนาน อีกทั้งยังเป็นพลังสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเดินทางมาที่ กกต. ในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้กกต. ตรวจสอบคำวินิจฉัยยึดตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมกับผู้สมัครโดยด่วน
ส่วนนายพีรพล กล่าวว่า ไม่เคยใช้สื่อนี้เพื่อหาเสียง อีกทั้งวารสารหัวนี้เกิดขึ้นเมื่อ 28 ปีที่แล้ว และเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองและไม่เคยใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการเมืองแต่อย่างใด เชื่อว่าการพิจารณาเช่นนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม หาก กกต. ยังไม่พิจารณาตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง พร้อมดำเนินคดีทางแพ่งกับ กกต. เพื่อปกป้องสิทธิและความยุติธรรมให้กับตัวเอง