“ก้าวไกล” ติวเข้มตัวแทนจังหวัด “พิธา” ปลุกฟื้นภารกิจ-อุดมการณ์ “อนาคตใหม่”
“พรรคก้าวไกล” ติวเข้มตัวแทนจังหวัดพรรค “พิธา” ปลุกฟื้นภารกิจ-อุดมการณ์ “อนาคตใหม่” ให้สำเร็จลุล่วง พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2565 ที่โรงแรมเอเชีย จ.ปทุมธานี นายพิธา ลิ้มเจิญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในการอบรมสัมมนาตัวแทนพรรคประจำจังหวัด (ตทจ.) และทีมงานจังหวัดจากทั่วประเทศ ตอนหนึ่งว่า ตทจ. และทีมงานจังหวัดเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากในการสร้างพรรคก้าวไกลให้เป็นพรรคมวลชน เป็นการยากมากที่เราจะมี ส.ส. แบบแบ่งเขต หากขาด ตทจ.และทีมจังหวัดที่เข้มแข็ง ในการออกแบบนโยบาย การทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ แน่นอนว่าตนและทีมงานจากส่วนกลางไม่ได้รู้ปัญหาและรู้วิธีการแก้ปัญหาทั้งหมด ก็ต้องอาศัยจากทีมงานในแต่ละจังหวัด ดังนั้น พวกท่านทุกคนจึงเปรียบเสมือนทั้งมันสมองและเป็นทั้งแขนขา ที่จะทำให้พรรคก้าวไกลเติบใหญ่ เข้มแข็ง และสามารถทำตามภารกิจ อุดมการณ์ที่สืบสานจากพรรคอนาคตใหม่ให้สำเร็จลุล่วงได้ โดยจะเป็นการทำงานเชื่อมประสานกันไปมาจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน อย่างความเชื่อเรื่องของการกระจายอำนาจที่เราให้ทุกจังหวัดได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกกระบวนการ
"ทีมจังหวัด และ ตทจ. นอกจากทำหน้าที่สนับสนุนว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดและในแต่ละเขตแล้ว ทุกคนยังทำหน้าที่ที่สำคัญมากอย่างหนึ่งนั่นคือการร่วมตรวจสอบผู้สมัครของท่าน ร่วมตรวจสอบ ส.ส.ของท่านว่ายังทำงานมุ่งมั่นในภารกิจและอุดมการณ์แบบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ โดยจะสนับสนุนคนที่ยังคงมุ่งมั่นเดินตามวิถีก้าวไกล และรายงานให้พรรครับทราบสำหรับคนที่วันหนึ่งไม่สามารถไปกับพรรคต่อได้ เพื่อที่จะได้มาร่วมตัดสินใจด้วยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ตทจ. และทีมงานประจำจังหวัดจะทำงานร่วมกับพรรค ทำงานร่วมกับ ส.ส.ในแต่ละเขตอย่างเข้มแข็ง และเราจะมี ส.ส.ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ ส.ส.ได้เข้าไปทำงานในสภาและเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างที่เรามุ่งหวัง" นายพิธา กล่าว
ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การประชุม ตทจ.และทีมจังหวัดในวันนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของรื้อฟื้นบรรยากาศแบบพรรคอนาคตใหม่ รื้อฟื้นภารกิจและอุดมการณ์แบบพรรคอนาคตใหม่กลับมาอีกครั้ง กล่าวได้ว่านี่เป็นการเข้าสู่บรรยากาศของการสู้ศึกเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ตนเคยกล่าวในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่องครั้งที่แล้วว่า ปีนี่จะเป็นปีแห่งการกลับมาฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของพรรคให้แข็งแกร่งต่อเนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกท่านก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้เป็นอย่างดี แม้ตอนนี้เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งจะยังไม่ชัดเจน แต่ในหลายๆ จังหวัดก็มีการตั้ง ตทจ.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง และนอกจาก ตทจ. นอกจากว่าที่ผู้สมัคร นอกจาก ส.ส.ในแต่ละเขตแล้ว ต่อไปเราจะมีการทำงานที่เป็นรูปธรรมมายิ่งขึ้น โดยจะต้องมีการตั้งคณะกรรมกาพรรคระดับเขตเลือกตั้ง มีโครงสร้างการทำงานระดับเขตที่จับต้องได้ เพื่อที่จะทำงานอย่างลงลึกมากยิ่งขึ้น สร้างทีมงาน ระดมทรัพยากร ระดมความคิด ระดมทุนในทุกพื้นที่ เพื่อให้เมื่อเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครจะมีทิศทางและแผนการทำงานที่ชัดเจน
"การเลือกตั้งครั้งหน้า สถานะพรรคก้าวไกลจะไม่เหมือนกับพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งปี 2562 เพราะปัจจุบันเราเป็นพรรคการเมืองหลักแล้วอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ โดยมีเป้าหมายว่าต้องปักธงนโยบายช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศให้ได้ โดยนโยบายที่ว่านั้นจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางอำนาจครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอย่างยุติรัฐราชการรวมศูนย์, ทลายทุนผูกขาด หรือปฏิรูปกองทัพ เป็นต้น และนอกจากนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะมีความสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองอย่างมากใน 2 มิติ คือ 1.จะเป็นการสร้างความหวังให้กับผู้คนจำนวนมากที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ทำให้คนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบรัฐสภานั้นเป็นไปได้ และนี่ไม่ใช่ชัยชนะของ ส.ส.คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของพวกเราทุกคน และ 2.นี่จะเป็นการขยายพื้นที่การต่อสู้ของประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตยอย่าแท้จริง โดยเฉพาะการต่อสู้ของคนหนุ่มสาวที่กำลังถูกกดปราบอย่างหนัก และต่อไปสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นพื้นที่ใจกลางในการต่อสู้ระหว่างอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนกับอำนาจผู้แทนราษฎร ซึ่งจะนำไปสู่การแสวงหาฉันทามติครั้งใหม่ของสังคมไทยที่สำคัญมาก และการที่เราจะไปสู่จุดนั้นได้ ก็ต้องอาศัยสมาชิกพรรคที่เข้มแข็งในทุกจังหวัด" นายชัยธวัช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการประชุม ตทจ.และทีมจังหวัดทั่วประเทศแล้ว ในที่ 30 เม.ย. นี้ พรรคก้าวไกลจะมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยในช่วงเช้าจะมีระเบียบวาระการประชุมต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมงานในเวทีกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า "เปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน"