ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง “ธนาธร” ควง “บ๊อบ” หาเสียงโค้งสุดท้ายชิง “นายกฯพัทยา”
“ธนาธร” ควง “บ๊อบ กิตติศักดิ์” ลงพื้นที่หาเสียงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง “นายกเมืองพัทยา” ดูพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ลั่นเมืองนี้ต้องมีคนแก้ปัญหาอย่างจริงใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2565 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย หรือ “บ๊อบ” ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา จากคณะก้าวหน้า เบอร์ 3 พร้อมด้วยผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา (สม.) ร่วมพบปะรับฟังปัญหาน้ำท่วมในเมืองพัทยาจากประชาชนในพื้นที่ชุดชนซอยวัดธรรมสามัคคี
สำหรับชุมชนบริเวณวัดธรรมสามัคคีนั้น เป็นจุดหนึ่งในเมืองพัทยาที่มีน้ำท่วมซ้ำซากต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และชาวบ้านบริเวณนี้ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากเมืองพัทยาเลยสักครั้ง แม้แต่เงินเยียวยาช่วยเหลือ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ก็ไม่เคยได้รับ จากสภาพความเป็นอยู่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยกของขึ้นที่สูงตลอดเวลา เพราะไม่อาจรู้ว่าน้ำจะมาเมื่อไร
นายธนาธร ระบุว่า ปัญหาของการแก้เรื่องน้ำท่วมในเมืองพัทยานั้นไม่ใช่เรื่องขององค์ความรู้ในการแก้ปัญหา แต่เป็นเรื่องความตั้งใจในการแก้ปัญหามากกว่า ซึ่งหากนายกเมืองพัทยามีความจริงใจและใส่ใจกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ปัญหาน้ำท่วมสามารถช่วยเหลือและเยียวยาได้ เพราะคนที่มีความรู้ความสามารถมีอยู่เยอะแยะมากมาย เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
"นายกเมืองพัทยามีหน้าที่แก้ปัญหาและเยียวยาในเรื่องน้ำท่วมโดยตรง สภาพบ้านในแต่ละหลังที่อยู่ในชุมชนนี้มีความน่าเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างมาก หลายหลังคาเรือนแปะป้าน เช่า-ขาย บางหลังขนของอยู่ที่สูงตลอดเวลา บางรายถึงกับทิ้งบ้านที่นี่เพื่อหนีปัญหาน้ำท่วมโดยการย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ที่อื่น นี่คือความเจ็บปวดของคนพัทยา นายกเมืองพัทยาต้องไม่มองข้ามความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากชาวบ้านยังสะท้อนความเดือดร้อนกับผมอีกว่า บางครั้งที่น้ำท่วมในช่วงเวลากลางคืน เขาต้องยืนรอจนกว่าน้ำจะลด ถึงจะได้เข้าไปเก็บของและนอนหลับเอาแรงเพื่อพักผ่อนสำหรับการใช้ชีวิตในวันถัดไป" นายธนาธร กล่าว
ต่อมาในช่วงบ่าย นายธนาธร และนายกิตติศักดิ์ เดินทางต่อไปยังชุมชนประมงพื้นบ้านนาเกลือ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ถูกเมืองพัทยาหลงลืมและไม่ได้รับการมองเห็น ถึงข้อเรียกร้องและปัญหาในด้านต่างๆ ซึ่งจากการพูดคุย กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้สะท้อนปัญหาในหลายๆด้าน ซึ่งส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้เมืองพัทยาใส่ใจ และช่วยอนุรักษ์ประมงพื้นบ้านในย่านนาเกลือนี้ไว้ เพราะประมงพื้นบ้านในย่านนี้หล่อเลี้ยงประชาชนมาหลายช่วงอายุคน
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่มาในวันนี้ต้องต้องการมารับฟังเพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาของพี่น้องกลุ่มประมงพื้นบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เข้าไปพูดคุยรับฟังปัญหากับภาคประชาสังคมอื่นๆมาแล้วเช่น กลุ่มผู้ประกอบการร่มเตียง กลุ่มแท็กซี่สองแถว กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน เพราะตนคิดว่าการเข้าไปรับฟังปัญหาจะสามารถเข้าใจปัญหาได้อย่างแท้จริง และการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชน จะสร้างพัทยาให้เป็นเมืองของทุกคนอย่างที่ตนเคยกล่าวไว้
"ผมเชื่อว่าเมืองที่ดีเมืองที่หน้าอยู่ ต้องรับฟังเสียงของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัย พี่น้องกลุ่มประมงพื้นบ้านสะท้อนปัญหากับผมว่า ที่ผ่านมาหากเมืองทำโครงการต่างๆ ที่กลุ่มประมงพื้นบ้านได้รับผลกระทบ เมืองไม่เคยเข้ามาพูดคุยหรือเข้ามาทำประชาพิจารณ์เลยสักครั้ง ผมคิดว่าวิถีชีวิตของพี่น้องประมงพื้นบ้านเป็นสิ่งที่ต้องอนุรักษ์ไว้ เพราะย่านนาเกลือเป็นย่านที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน เราต้องรักษาอัตลักษณ์ของย่านนาเกลือเอาไว้ และผมคิดว่าหน้าที่ของนายกเมืองพัทยา ต้องไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง" นายกิตติศักดิ์ กล่าว