"ปชป." ปรับ 3 กลยุทธ์ ชนะเลือกตั้ง ใจถึงพึ่งได้ เป็นหนึ่งเดียว เลิกขี้เหนียว

"ปชป." ปรับ 3 กลยุทธ์ ชนะเลือกตั้ง ใจถึงพึ่งได้ เป็นหนึ่งเดียว เลิกขี้เหนียว

"เดชอิศม์" เผย กลยุทธ์ชนะเลือกตั้ง ปรับ 3 ข้อ 1.ความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีทีม A ทีมB แช่งกันเองให้แพ้ 2.ปรับบุคลิกผู้สมัคร ต้องใจถึงพึ่งได้ ไม่ขี้เหนียว 3.ข้อมูล ชี้ ถ้าทำได้เข้าป้ายแน่นอน "สาทิตย์" เผย สาเหตุ ชนะ "เลือกตั้งซ่อม" พปชร. พลาดเอง โว เครือข่ายระดับพื้นที่แข็งปึ้ก

ที่โรงแรมบุรีศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์  โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้ จัดประชุมสัมมนาประชาธิปัตย์ภาคใต้ “อุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไว” ทำได้จริง”ซึ่งมี ส.ส.ภาคใต้ ผู้ช่วยส.ส. หัวหน้าสาขา ตัวแทนพรรคเข่าร่วมประชุมประมาณ 500 คน

โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานเปิด พร้อมนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ซึ่งมีหัวข้อสำคัญในการสัมมนาครั้งนี้ “กลยุทธ์และเป้าหมายชัยชนะในการเลือกตั้ง” บรรยายโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้ และหัวข้อ “ฟื้นใต้ ฟื้นประชาธิปัตย์” บรรยายโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.จังหวัดตรังและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางการทำงาน

รวมถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 9 เขต ของจังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้ได้ทำการคัดเลือกตัวว่าที่ผู้สมัครได้ครบทุกเขตแล้ว จึงทำการเปิดตัวในวันนี้ 

นายเดชอิศม์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้น จากการวิเคราะห์โดยนักวิชาการร่วมกับทีมงานวิจัยออกมา พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับปรุง 3 อย่าง 

1.ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาธิปัตย์ในแต่ละจังหวัด เพราะเราต้องยอมรับว่าในอดีตประชาธิปัตย์ในแต่ละจังหวัดมีทีม A ทีม B บางจังหวัดมี ทีม C จังหวัดสงขลา20กว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยเป็นทีมเดียวในความเป็นประชาธิปัตย์ มีอย่างน้อย ทีม A ทีม B และทั้งทีม A ทีม B เชียร์ให้อีกทีมแพ้ ทีม B เชียร์ให้ ทีมA ตก ทีมB ก็เชียร์ให้ทีม A ตก แต่วันนี้อยากจะบอกกับพี่น้องว่าจังหวัดสงขลาคือเมืองหลวงของภาคใต้ สงขลาคือเมืองหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เรารวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ทั้ง 9 คน 9 เขต ทุกคนจะต้องหาเสียงทั้ง 9 เขต ทุกจังหวัดอยากให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด

      

2.ปรับบุคลิกของผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาบางคน ไม่ใช่ทุกคน มีเสียงสะท้อนว่า ใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้ ขี้เหนียว ห่างกับประชาชนเนื่องจากทุกคนมองว่าเมื่อก่อนกระแสพรรคประชาธิปัตย์ดี เราก็เลยละเลย ไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยติด ซึ่งถ้าเราปรับข้อนี้ คำว่า ใจถึงพึ่งได้ ไม่เฉพาะเรื่องเงินอย่างเดียว แต่หมายถึงเรื่องใจที่จะเข้าไปหาพี่น้องประชาชน 

 

3.คือเรื่องข้อมูล ตนเคยพูดกับพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่เป็นส.ส.ในการประชุมประชาธิปัตย์ภาคใต้ประมาณ 3-4 ครั้งที่ผ่านมาว่า ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกคนจะต้องทำข้อมูลให้ละเอียด เพราะการแพ้ชนะอยู่ที่ข้อมูลด้วย เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ทำ3ข้อนี้ คือ1.ความเป็นหนึ่งเดียวกันในจังหวัด 2.ใจถึงพึ่งได้จริงๆ อยู่กับประชาชน 3.ข้อมูลพร้อม

 

หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของพรรค คำว่าหน้าที่ของพรรค ประกอบด้วย 

1.คือตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ 

2.หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ 

3.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค 

4.นายนิพนธ์ บุญญมณี ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกคนในภาคใต้ 

พวกเราทั้ง 4 คนและทีมกรรมการบริหารมีหน้าที่ไปเสริม 3 ข้อแน่นอน 3+1 สามารถเพิ่มคะแนนให้ท่านแบบทวีคูณ ซึ่งถ้าท่านทำได้ ท่านชนะแน่นอน

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในความรู้สึกสงสัย ลังเลต่อพรรคของประชาชนดีขึ้นมาก เมื่อการเลือกตั้งซ่อม 3 เขต คือการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 จังหวัดสงขลา และการเลือกซ่อมเขต 1 จังหวัดชุมพร ซึ่งนักวิชาการได้มีการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งหลังสุดที่ผ่านมา ว่าเขาวิเคราะห์ไว้อย่างไรและให้พวกเราจำการวิเคราะห์ไว้ เพราะจะเป็นทิศทางในการที่ประชาธิปัตย์จะต้องขับเคลื่อนในแนวทางนี้ในครั้งต่อไปสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นักวิชาการเขาวิเคราะห์ว่า ในการเลือกตั้งซ่อมที่จ.ชุมพรและจ.สงขลา เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเขาวิเคราะห์ปัจจัยไว้ 5 ข้อด้วยกัน ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์และทำให้คู่แข่งคือพรรคพลังประชารัฐแพ้

1.พรรคพลังประชารัฐพลาดเอง จากการปราศรัยของเลขาธิการพรรคในเวลานั้น ที่พูดการจะเป็นส.ส.จะต้องมีชาติตระกูล ต้องมีเงิน คำพูดเสมือนกับการดูถูกศักดิ์ศรี เหยียบย่ำหัวใจของคนปักษ์ใต้ เพราะคนใต้ไม่ยอมคำพูดที่ดูถูก และเหนือสิ่งอื่นใดที่เขาวิเคราะห์ในข้อสุดท้ายว่า ผลของการพลาดเองของพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ทำสิ่งหนึ่งก็คือเป็นพรรคที่กัดไม่ปล่อย

หมายถึงว่าแม้ว่าสถานการณ์จะเป็นรองแค่ไหนก็ตาม เขาวิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังเดินเยี่ยมยังจัดปราศรัยยังจัดเวทีถี่หนาแน่น เอาจริงเอาจัง และหยิบคำพูดที่ผิดพลาดของคู่ต่อสู้มาขยายผลทุกเวที แปลว่าการปราศรัยได้ผลที่สุดในการเลือกตั้งซ่อมครั้งหลังสุด นี่เป็นข้อวิเคราะห์ที่สำคัญมาก 

2.ข้อนี้ก็สำคัญนักวิชาการเขาใช้คำว่า ไม่ปฏิเสธเรื่องการใช้เงิน ซึ่งคำว่าใช้เงินต่างกับซื้อเสียงแต่ให้ความสำคัญกับการบริหารเงินในการเลือกตั้ง ที่ใครทำได้ดีกว่า ข้อนี้ต้องวิเคราะห์กันต่อ

3.เขาใช้ว่าเครือข่ายทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในระดับท้องถิ่นมีมากกว่าพลังประชารัฐ ซึ่งตนเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จังหวัดชุมพร รู้ดีเลยว่าพื้นฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเครือข่ายหนาแน่น ครบถ้วนทั้งป่ายปกครอง ฝ่ายท้องถิ่น ครบถ้วยสาย อสม. สายแม่บ้านและผนวกด้วยผู้สมัครเป็นคนรุ่นใหม่

“เราเคยได้มา 50 จาก 53 ที่นั่ง แปลว่าทุกจังหวัดจะต้องมีเครือข่ายระดับท้องถิ่นที่มากกว่าพลังประชารัฐที่เป็นพรรคใหม่ ซึ่งจุดแข็งตรงนี้อย่าสงสัย นักวิชาการฟันธงว่าประชาธิปัตย์ได้เปรียบ" นายสาทิตย์ กล่าว 

4.เขาวิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่แบบกัดไม่ปล่อย เขาบอกกัดไม่ปล่อย ผลที่เกิดขึ้นทำให้คนจากโพลอีก30เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ในการหาเสียง เรายังให้ความสำคัญ และขยันในการรณรงค์จัดการหาเสียง ทั้งเดินเคาะประตูบ้านทั้งออกรถยนต์และทั้งจัดการปราศรัย ฉะนั้น แนวทางนี้จะต้องยึดให้มั่น เพราะในการเลือกตั้งครั้งหน้ามันจะท้าทาย เรื่องกัดไม่ปล่อยของประชาธิปัตย์จะเป็นปัจจัยสำคัญ

5. เขาวิเคราะห์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวประชาธิปัตย์ชุ่มชื่นใจขึ้นมาก เขาวิเคราะห์ว่า ความผูกพันฟื้นคืน ผลการเลือกตั้งเขต 6 จังหวัดสงขลา กับผลการเลือกตั้งเขต 1 จังหวัดชุมพร ชี้ให้เห็นว่า ความผูกพันของคนใต้กับพรรคประชาธิปัตย์ฟื้นคืนแล้ว