"สมชัย" แถลง 14 สาระสำคัญ-จุดเปลี่ยน ใน "2ร่างพ.ร.ป."
"สมชัย" แถลงสาระสำคัญ ของ 2 ร่างพ.ร.ป. ใช้เลือกตั้ง มี 14จุดเปลี่ยน ย้ำให้สิทธิประชาชนตรวจสอบการนับคะแนนได้สะดวก-นับคะแนนบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ หากมีความพร้อม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รัฐสภา แถลงผลการประชุมกมธ. ซึ่งพิจารณาทบทวน เนื้อหาของ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่.. ) พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ถึงจุดเด่นของเนื้อหาที่กมธ.พิจารณาปรับปรุง ว่า ในร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มี 7 ประเด็นสำคัญ คือ
1.หมายเลขของผู้สมัคร ส.ส.เขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คณะ กมธ. มีมติ ให้เป็นแบบต่างเขตต่างเบอร์ และคนละเบอร์กับแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นไปตามร่างของรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครแบบเขตก่อนจึงจะส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้ และกระบวนการการับสมัครของเขตเลือกตั้งจะมีขึ้นก่อนการรับสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อซึ่งพรรคใดมาสมัครก่อนก็ได้เบอร์ก่อน
2.การแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งทาง กกต. ต้องแบ่งประเทศออกเป็น 400 เขตเลือกตั้ง โดย ในชั้น กมธ.ได้เพิ่มข้อความเพื่อให้เกิดความยุติธรรม กรณีการแบ่งเขตในจังหวัดเดียวกัน กำหนดผลต่างของจำนวนประชากรในแต่ละเขตของจังหวัดนั้นไม่ได้เกินร้อยละ10 ถ้าจังหวัดหนึ่งมี 3 เขต จำนวนประชากรของแต่ละเขตต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ย เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้สมัครรับเลือกตั้ง
3. การเพิ่มกรรมการประจำหน่วยเป็น 9 คน แบ่งเป็น ประธานกรรมการ จำนวน1 คน, กรรมการ จำนวน 8 คน และให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จำนวน 2 คน
4.เพิ่มการนับคะแนนนอกราชอาณาจักร เพราะ ที่ผ่านมาระบบในการนับคะแนนต้องส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาที่เมืองไทยและบัตรต้องกลับมาถึงก่อน 17.00น. ของวันเลือกตั้ง หากล่าช้ากว่ากำหนดจะกลายเป็นบัตรเสียซึ่งคณะ กมธ.พิจารณาแล้ว มีมติว่าถ้าประเทศใดที่กระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการการเลือกตั้งมีความพร้อมสามารถให้นับที่ประเทศนั้น ๆ ได้เพื่อไม่ให้ประชาชนเสียสิทธิในการเลือกตั้ง
5.ให้สิทธิผู้ร่วมสังเกตการณ์สามารถบันทึกภาพและเสียงการนับคะแนน โดยไม่ขัดขวางการทำงานของคณะกรรมการประจำเขต และคณะกรรมการประจำเขตต้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้สังเกตการณ์นั้นด้วย
6. ผลการนับคะแนนรายหน่วย กมธ. กำหนดให้คณะกรรมการรายหน่วยต้องเผยแพร่ผลการนับคะแนนรายหน่วยบนเว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากการปิดหีบเลือกตั้งเพื่อความโปร่งใส ทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่าย
และ 7. การคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คณะ กมธ. มีมติให้ใช้100 หาร และเป็นการนับคะแนนแบบคู่ขนาน คือใครได้คะแนนเขตมากที่สุดก็ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต นั้น ส่วนบัตรบัญชีรายชื่อก็นับรวมทั้งประเทศโดยผู้มาใช้สิทธิทั้งประเทศมาใช้ 100 หาร เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ซึ่งคาดว่าประมาณ 350,000-370,000 คะแนน ที่จะใช้มาคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ส่วนการปัดเศษอาจจะเกิดขึ้นเพราะมีเศษเหลือจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าการปัดเศษนี้น่าจะเป็น 100,000 คะแนนที่จะได้ ส.ส.ปัดเศษต่อ 1 คน ซึ่งมีคณะ กมธ. เสียงข้างน้อยขอสงวนคำแปรญัตติ ไปอภิปรายในวาระ 2 ต่อไป
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ 7 ประเด็น คือ
1. ปรับอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าบำรุงพรรครายปีของสมาชิกพรรคนั้นปีละ 20 บาท จากเดิมเก็บปีละ 100 บาท
2. ปรับอัตราค่าธรรมเนียมสมาชิกพรรคตลอดชีพ ของสมาชิกพรรค จำนวน 200 บาท จากเดิม 2,000 บาท
3. ลดคุณสมบัติของสมาชิกพรรค เดิมคุณสมบัติของสมาชิกพรรคเทียบเคียงกับผู้ก่อตั้งพรรคฯหรือผู้สมัครส.ส.
4. การตั้งตัวแทนพรรคการเมืองให้ตั้งตามที่พรรค เห็นสมควร
5. การตั้งสาขาพรรค กำหนดให้มีสาขาพรรคในจังหวัดที่พรรคส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้กับพรรคการเมือง
6. การจัดบัญชีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น คณะ กมธ.กำหนดว่าต้องคำนึงถึงภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมของหญิงและชาย
และ 7. เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเลือกผู้ส่งสมัครลงรับเลือกตั้งส.ส.ขั้นต้น หรือ ไพรมารี่ ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ กำหนดให้มีการประชุมพรรคระดับจังหวัด ให้ความเห็นชอบกับรายชื่อที่กรรมการสรรหาของพรรคเสนอ เมื่อพิจารณาเสร็จให้ส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคตัดสินเป็นขั้นตอนสุดท้าย หากจังหวัดใดไม่มีสาขาพรรคก็สามารถไปร่วมประชุมกับจังหวัดใกล้เคียงที่มีสาขาพรรคเพื่อรักษาสิทธิของตนได้
"คาดว่า วันที่ 24 พฤษภาคม นี้ ประธานคณะ กมธ. และคณะ จะนำร่าง พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับ ส่งให้ประธานรัฐสภา เพื่อให้บรรจุในระเบียบวาระการประชุม ซึ่งคาดว่าจะสามารถนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 9-10 มิถุนายน ในวาระสองและวาระสาม" นายสมชัย กล่าว.