ปราศรัยนัดสุดท้าย! "ดร.เอ้" ขอโอกาสคนกรุง ฟื้น"4วิกฤติ" แบบเบ็ดเสร็จ

การปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และสก.ทั้ง50เขตในวันที่22พ.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จัดปราศัยใหญ่ ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) 

โดยในเวทีปราศัยมีไฮไลท์สำคัญอาทิ  พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผอ.ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ว่า ตนเคยรับราชการตำรวจ อยู่ในกรุงเทพฯ ดูแลปัญหายาเสพติด พบว่าชุมชนใน กทม. มีคนติดยาเสพติด กว่า 2,000 ชุมชน และอาชญากรรมทุกประเภทเกิดจากยาเสพติดร้อยละ 80 เรื่องนี้ “เอ้ สุชัชวีร์” เห็นว่า 1 ใน 5 ของความปลอดภัยเมือง และปัญหายาเสพติด 

“ถึงเวลาแล้ว เราจะต้องเปลี่ยนกรุงเทพฯ แล้วคนที่จะเปลี่ยนกรุงเทพ ก็คือ ดร.สุชัชวีร์ เบอร์ 4 ในวันที่ 22 พค. ผมต้องมาดีใจกับพี่น้องประชาชน และในวันที่ 23 ผมจะไปกับ ดร.เอ้ เพื่อกราบศาลากลาง แล้วจะไปกับพวกเราทุกคน”

 

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากทม. กล่าวตอนหนึ่งว่า  วันนี้เป็นอีกวันที่ผมอยากมาเชิญชวนพี่น้องประชาชน วันที่22พ.ค.นี้ถือเป็นวันสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะเลือกเส้นทางชีวิต เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู้เส้นทางอนาคตของเรา ลูกหลานเรา และกทม.ในอีก4ปีข้างหน้า 

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เชื่อมั่นการปกครองส่งเสริมการกระจายอำนาจและการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะส.ก.ที่ทำงานใกล้ชิดร่วมทุกข์ร่วมสุข โดยเฉพาะ9ปีที่ผ่านมาที่เราไม่ได้มีโอกาสเลือกตั้งแต่เราจะได้เห็นผู้สมัครทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด

วันนี้เราจึงมีการส่งผู้สมัครทั้ง50 เขตโดยช่วงที่ผ่านมาเราได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเพื่อนำมาขับเคลื่อนนโยบายในการเปลี่ยนเมืองเปลี่ยนกรุงเทพร่วมกับนายสุชัชชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรค

โดยทีมส.ก.จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกฎหมายและขับเคลื่อนแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคตต่อไป 

ขณะเดียวกันเราได้คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้ว่ากทม.นั่นคือนายสุชัชชวีร์ เพื่อทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับส.ก.ทั้ง50 เขตเพื่อเปลี่ยนกรุงเทพหลังจากนี้ 

“วันที่22พ.ค.จะเป็นโอกาสที่พี่น้องจะได้ตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต มาร่วมกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพร่วมกับผม มาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพด้วยกันด้วยการเลือกดร.สุชัชวีร์หมายเลข4 นอกเหนือจะกาบัตรสีน้ำตาลหมายเลข4 แล้วขอเชิญเชิญพี่น้องกาผู้สมัครส.ก.พรรคประชาธิปัตยในบัตรสีชมพู ทั้ง50เขต” 

 

ขณะที่นายสุชัชวีร์ ปราศัยปิดท้ายว่า ตั้งแต่ประกาศตัวลงรับสมัครเลือกตั้งตั้งแต่วันที่13ธ.ค.2564 ผมเดินบนเส้นทางที่หฤโหส แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเพราะการทำงานในฐานะผู้ว่ากทม.จะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆเหล่านี้ 5 เดือนที่ผ่านมาผมเดินไปกว่า1-2ล้านก้าว รวม50 เขตซึ่งพบรอยยิ้มของคนกรุงเทพที่มากับความยากลำบาก รอความหวังในการเปลี่ยนกรุงเทพ ครั้งสำคัญ

ตนไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากคำมั่นสัญญาที่จะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด สาเหตุที่เลือกเวทีปราศยหัวลำโพงเพราะเป็นถือเป็น1ในเอเซียและเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยเมื่อ126ปีที่แล้วในการพัฒนาประเทศ และไทยถือเป็นประเทศแรกของเอเซียที่มีหัวรถจักรรถไฟใช้

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจะต้องใช้คนที่เป็นมืออาชีพในการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ขณะเดียวกันที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ก่อตั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศคือสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งปรากฎชื่อของสุชัชวีร์ผู้ร่วมริเริ่มรวมอยู่ในนั้น

ฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการ “เปลี่ยนกรุงเทพ:เราทำได้” กทม.เป็นเมืองแห่งศักยภาพขาดแต่เพียงผู้ที่จะเป็นผู้นำ ฉะนั้นตนจึงประกาศร่วมกับทีมส.ก.ต่อประชาชนว่าเราจะต้องเปลี่ยนกรุงเทพเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยของอาเซียนให้ได้

วันนี้ต้องยอมรับว่า กทม.กำลังวิกฤติ4เรื่อง

1.วิกฤติจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมซึ่งเกิดปัญหาเรื้อรังมาหลายปี 

2.กทม.เสียโอกาสจากการเข้าถึงโลกออนไลน์และโรคอินเตอร์เน็ต ซึ่งเราขาดผู้นำที่มีความรู้ความสามารถ

3.เรื่องการศึกษา หลังโควิดเป็นต้นไปเราจะพบปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพิ่มขึ้น หากไม่ได้ผู้ว่าที่มีความรู้ความเข้าใจในการผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังและที่ผ่านมายังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯคนใดที่มีการพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจน

4.สังคมผู้สูงอายุ ขณะนี้เราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้สูงอายุเป็น1ใน5ของจำนวนประชากร เฉพาะในกทม.มีผู้สูงอายุถึง1.2ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มสูงถึง2ล้านคนสิ่งที่จะตามมาคือสถานพยาบาลไม่เพียงพอต่อการรักษา

ฉะนั้นจากทั้ง4ข้อเราจะเลือกผู้ว่าที่อิงตามกระแสการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถและแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ

“ด้วยเหตุผลนี้ในวันที่22พ.ค.คนกรุงเทพจึงต้องเลือกดร.เอ้หมายเลข4”