ยื่น ป.ป.ช.รื้อคดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม อ้างคำพิพากษาศาล สอบ “ซิโน-ไทยฯ” ใหม่
“วัชระ” ลุยยื่น ป.ป.ช.รื้อคดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม 20 ล้านบาท ไต่สวน “ซิโน-ไทยฯ-พวก” อ้างคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ พบเส้นทางการเงินนัดเจอที่บริษัท ชาวญี่ปุ่น 2 รายแบกกระเป๋าใส่เงินมาให้
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ดำเนินการไต่สวนใหม่กับผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย ที่ถูกกล่าวหากรณีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม ได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) นายภาคภูมิ ศรีชำนิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทยฯ และนายราเกส กาเลีย สัญชาติอินเดีย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทยฯ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5-7
โดยนายวัชระ อ้างถึงคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 พิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ 4 ราย ได้แก่ นาวาโท สาธิต ชินวรณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครศรีธรรมราช 15 ปี นายคณิน เมืองด้วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช 7 ปี นายอภิชาติ สวัสดิรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.ท้องเนียน 7 ปี และ พ.ต.ท.สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 4 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ 7 ปี มีความผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 83 และให้ร่วมกันชดใช้เงิน 20 ล้านบาท และริบกระเป๋าใส่เงินของกลางจำนวน 2 ใบ
นายวัชระ ยังอ้างถึงสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. กรณีชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ พร้อมด้วยบริษัท ซิโน-ไทยฯ นายภาคภูมิ และนายราเกส โดยองค์คณะไต่สวนของ ป.ป.ช. อ้างว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด แม้จะไม่มีมูลค่าความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน แต่การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบบริหารราชการแผ่นดินร้ายแรง และก่อให้เกิดความเสีหยายแก่ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทย
ต่อมามีการส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) หลังจากนั้นมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่าย ป.ป.ช. และฝ่ายอัยการ โดยท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ตามความเห็นของอัยการสูงสุดว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นจำเลยที่ 1-4 ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 5-7 เห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีอาญา
อย่างไรก็ดีนายวัชระ อ้างถึงคำพิพากษาที่ระบุว่า พยานทั้ง 2 ตกลงที่จะขนเงินจำนวน 20 ล้านบาทจาก กทม.มาให้ โดยนายพิชิต เป็นคนขับรถของตนเองไปขนเงินดังกล่าว พยานทั้ง 2 เดินทางออกจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 16 ก.พ. 2558 นัดหมายพบกันที่บริษัท ซิโน-ไทยฯ เมื่อไปถึงพบชายชาวญี่ปุ่น 2 คน หนึ่งในนั้นเคยไปรับการแนะนำให้รู้จักกันมาก่อนที่หน้างานโรงไฟฟ้าขนอม เพื่อให้เป็นผู้ประสานงานการรับเงินที่ กทม. นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากบริษัท ซิโน-ไทยฯ อีก 1 คน เป็นชาวต่างชาติใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร หลังจากนั้นชายชาวญี่ปุ่นได้นำกระเป๋าเดินทางมาให้ 2 ใบ เปิดกระเป๋าดูพบว่า เป็นเงินจำนวนกระเป๋าละ 10 ล้านบาท แล้วปิดกระเป๋าพร้อมกับส่งมอบพยานทั้ง 2 เดินทางกลับ อ.ขนอม ทันที
นายวัชระ ระบุว่า เมื่อเป็นไปดังคำพิพากษาเช่นนี้ และจากสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งเรื่องไต่สวนบริษัท ซิโน-ไทยฯ กับพวก ตามข้อเท็จจริงและฐานความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็วที่สุด
สำหรับนายราเกส ทราบว่า หลบหนีกลับประเทศอินเดียทันที หลังจาก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลให้ดำเนินคดีในครั้งแรก จึงขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการประสานหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องขอให้รัฐบาลประเทศอินเดียส่งตัวนายราเกส กลับมาดำเนินคดีในไทยต่อไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนายภาคภูมิ ศรีชำนิ เคยชี้แจงต่อสาธารณะว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงแสดงหลักฐานโต้แย้งการถูกกล่าวหาข้างต้นได้ และบริษัทฯขอยืนยันจะสู้จนถึงที่สุด