“อุตตม” ดันแก้หนี้สินเกษตรกรเป็น”วาระแห่งชาติ”
“อุตตม”เสนอ “แก้หนี้เกษตร” เป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ลั่นต้องทำนโยบายเพิ่มรายได้ ควบคู่พักหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ประชาชนหลุดวงจรหนี้อย่างยั่งยืน
วันนี้ (30 พ.ค.2565) ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความว่า สวัสดีครับ ช่วงวันที่ 26-28 พ.ค. ที่ผ่านมา ผมและคณะผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนชาวอีสานในพื้นที่ 4 จังหวัดเป็นครั้งแรก เริ่มจากหนองบัวลำภู - สกลนคร - มุกดาหาร และสิ้นสุดที่อุบลราชธานี
การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากเพื่อไปนำเสนอแนวคิดแนวนโยบายของพรรคต่อพี่น้องประชาชนแล้ว พรรคยังได้เปิดตัวแนะนำผู้แสดงเจตจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในนามพรรคด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ เราตั้งใจไปรับฟังปัญหา และแนวทางการพัฒนาพื้นที่จากคนในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูลที่ได้กลับมาทำเป็นนโยบายดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในภาคอีสานต่อไป
ประเด็นปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็นเรื่องที่พูดถึงมากที่สุด แม้หลายสิบปีที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองได้หยิบยกขึ้นมาพูดหาเสียงทุกครั้ง แต่มาจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาหนี้สินไม่ได้ทุเลาเบาบางลง แต่กลับหนักหน่วงขึ้น เพราะสถานการณ์โควิดที่กระทบกับการหารายได้ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าต่างๆ ที่กำลังขยับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรชักหน้าไม่ถึงหลังจึงต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม
“ผมเชื่อว่า ปัญหาหนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพักชำระหนี้ให้เกษตรกรแค่ปีสองปี เพราะในที่สุดแล้วหนี้สินเหล่านั้นก็กลับมาใหม่อยู่ดี แต่เราต้องแก้ด้วยการสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มให้เกษตรกรควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างหนี้ให้ยืดระยะเวลาออกไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสตั้งหลักใหม่ได้อย่างแท้จริง หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินแบบเดิมๆ”
สำคัญที่สุด การแก้ปัญหาหนี้สินต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งตัวเกษตรกรเอง และชุมชนท้องถิ่นก็ต้องมีบทบาทร่วมคิดร่วมแก้ไข ขณะเดียวกันรัฐบาลก็สมควรขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยผมเสนอยกระดับการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็น #วาระแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตร คลัง พาณิชย์ การท่องเที่ยว ได้หารือออกมาตรการที่สอดรับระหว่างกันภายใต้นโยบายของรัฐบาล เพื่อสามารถดำเนินการได้มีประสิทธิภาพครบทั้งการแก้หนี้และการสร้างรายได้
รัฐบาลต้องช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ เช่น การทำเกษตรแบบผสมผสาน และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงการผลิตสินค้าชุมชน โดยเอาการตลาดเป็นตัวนำ ก็จะเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เริ่มจากความแข็งแกร่งภายในของเราเอง สุดท้ายก็จะทำให้เศรษฐกิจประเทศเข้มแข็งและยั่งยืน
ภาคอีสานมีของดีเยอะครับ โดยเฉพาะด้านทำเลที่ตั้ง ถือเป็นศูนย์กลางคมนาคมการค้าที่ยึดโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางเหนือเชื่อมลาว-จีน ตะวันออกเชื่อมลาว-เวียดนาม ทางตะวันตกมีถนนทางหลวงหมายเลข 12 East-West Economic Corridor จากมุกดาหาร-ขอนแก่น-พิษณุโลก-ตาก เชื่อมไปพม่า เพราะฉะนั้นผมเห็นว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องพัฒนาประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของภาคอีสานให้เต็มที่ เช่น การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านเกษตรชีวภาพ โดยอาศัยพื้นฐานภาคเกษตรที่มีอยู่ เพื่อยกระดับความเข้มแข็งชุมชน ไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ยังต้องสร้างเส้นทางคมนาคมให้สมบูรณ์ เช่น โครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าไทย-ลาว-จีน ที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ วันนี้เส้นทางรถไฟฟ้าในช่วงลาว-จีน เปิดใช้แล้ว แต่เส้นทางในไทยยังก่อสร้างได้น้อยมาก ทำให้ประเทศไทย และภาคอีสานเสียโอกาส รวมทั้งต้องเร่งพัฒนาโครงข่ายขนส่งสินค้า ขนคน ให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่อีสาน สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบเศรษฐกิจพิเศษ ที่มุ่งเน้นไปที่เกษตรชีวภาพ และเชื่อมโยงไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ผมเชื่อว่าหากทำได้ครบทุกด้านตามที่ว่ามานี้ นักลงทุนก็จะสนใจเข้าลงทุนในภาคอีสานอย่างแน่นอน
สุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ให้การต้อนรับพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างอบอุ่น และข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับจากการลงพื้นที่ พรรคสร้างอนาคตไทยจะนำไปสกัดออกมาเป็นนโยบายที่สร้างประโยชน์สุขให้พี่น้องชาวอีสานต่อไป
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์