"มงคลกิตติ์" เย้ย "ประยุทธ์" ชราภาพ เลือกตั้งรอบหน้าไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร
จับสัญญาณ "ส.ส.เศรษฐกิจไทย" อภิปรายแนะ "รัฐบาล" แก้ปัญหาประชาชน ไม่ขวาง เดินหน้า ร่างพ.ร.บ.งบปี 66 ด้าน "มงคลกิตติ์" เย้ย "นายกฯ" ชราภาพ อ่อนแรงแก้ปัญหา เชื่อเลือกตั้งรอบหน้าไม่ได้กลับมาบริหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่สาม ในช่วงเย็นพบว่าส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นแกนนำ ได้คิวการอภิปราย คือ นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี , นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก และนายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น ทั้งนี้ในเนื้อหาที่อภิปรายนั้นไม่ได้มุ่งโจมตี หรือวิจารณ์การจัดสรรงบประมาณหน่วยงานใดเป็นพิเศษ มีเพียงการให้ความเห็น และเสนอแนะต่อการปรับปรุงงบประมาณ รวมถึงเสนอความเห็นต่อการปฏิบัติราชการแผ่นดินเพื่อช่วยเหลือประชาชน ผู้ด้อยโอกาส เช่น คนชรา คนยากจน เป็นต้น
ทั้งนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ส.ส.16 เสียง ของพรรคเศรษฐกิจไทยจะลงมติสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบปี 66 และออกเสียงรับหลักการ หลังจากที่นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับผู้สื่อข่าว พร้อมจะส่ง ส.ส.ในสังกัด 3 คน ร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญฯ
จากนั้น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายโดยย้ำถึงการสร้างหนี้ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำให้คนไทยเป็นหนี้ทันทีเมื่อเกิด คือ 2.2 แสนบาท ต่อคน โดยล่าสุดมียอดหนี้ภาคครัวเรือน มูลค่ากว่า 14.58 ล้านล้านบาท ขณะที่สถานะการเงินของประเทศไทย พบว่าติดลบ กว่า 2.4 ล้านล้านบาท สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบปี 66 ที่จัดแบบขาดดุล ทั้งนี้รัฐบาลพยายามหารายได้ให้ประเทศในทุกรูปแบบ ทั้ง เร่งเปิดประเทศ, เร่งออกกฎหมายให้กองสลากรับแทงหวยใต้ติด ที่พบว่ามีวงเงิน 5.6 แสนล้านบาท แต่เป็นเงินนอกระบบ ดังนั้นหากทำให้ได้ จะทำให้รัฐมีรายได้ปีละ 4.8 แสนล้านบาท นอกจากนั้นคือ การเปิดบ่อนกาสิโน ในพื้นที่ ที่เหมาะสม เบื้องต้นคาดว่าจะทำให้ประเทศมีรายได้ 2 แสนล้านบาท - 8 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการ
นายมงคลกิตติ์ อภิปรายด้วยว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2566 ไม่ต่างจากปีที่ผ่านๆ มา และเมื่อพบการขาดดุล รายได้ไม่เข้าเป้า ใช้วิธีการกู้เพิ่ม ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง แค่ส่งตัวแทนปลัดกระทรวงฯ มาทำหน้าที่แทนได้ เพราะไม่ได้แตกต่างกัน
“ตอนนี้จำเป็นต้องมีผู้บริหารที่รอบรู้ กล้าได้ กล้าเสีย มีประสบการณ์ เสี่ยงน้อยที่สุด กล้าแลกเปลี่ยนเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูคนในประเทศ ทั้งนี้ผมอยากได้นายกฯ เหมือนปี 57- 58 สัก 50% แต่ไม่เห็นด้วยกับที่มา ช่วงนั้นดูเหมือนนายกฯ กระตือรือร้นในการแก้ปัญหา แต่ตอนนี้ดูอ่อนล้า อ่อนแรง ชราภาพ ไม่มีแรงแก้ปัญหาให้ประชาชน ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาส แก้ปัญหาไม่ได้เด็ดขาด หากทำตามวาระที่เหลืออีก 10 เดือน สิ่งที่อยากให้ทำเพื่อไม่ให้ประชาชนเสียโอกาส แม้ 206 เสียงฝ่ายค้าน หากเลือกตั้งตอนนี้ ฝ่ายนายกฯ เหลือไม่ถึง 150 ที่นั่ง หากเทียบกับศรัทธาของประชาชน หากฝ่ายบริหาร และพรรคร่วมแก้ปัญหาไม่ได้ หรือทำเพื่อประคองสถานการณ์ไปวันๆ เชื่อว่าไม่สามารถกลับมาบริหารได้” นายมงคลกิตติ์ อภิปราย
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์