ถอดรหัส “มติ278” อุ้มประยุทธ์ ลุ้น “บารมีลุงป้อม” วัดพลังศึกซักฟอก

พลันที่ สภาผู้แทนราษฎร มีมติ 278 ต่อ 194 เสียงรับหลักการวาระแรก ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการจับตาไปที่สัญญาณการเมืองหลังจากนี้ 

มติรับหลักการ 278 เสียง สะท้อนภาพคณิตศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะเสียงจากงูเห่าฝ่ายค้านที่เทมาฝั่งรัฐบาลถึง 12 เสียง ที่แม้แต่ทางฝั่งรัฐบาลเองยังยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่เกินที่ตั้งเป้าไว้ 

โดยเฉพาะท่าทีแกนนำพลังประชารัฐอย่าง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวผ่านรายการ "สุดกับหมาแก่" ดำเนินรายการโดย “ดนัย เอกมหาสวัสดิ์”

ประเมินว่า มติรับหลักการวาระแรก 278 เสียงถือว่าเกินคาด เพราะทีแรกคิดว่าจะสัก 270-272 เสียง ไม่เว้นแม้แต่ 18 เสียงจากพรรคเศรษฐกิจไทย นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค รวมถึงกลุ่ม 16 นำโดย นายพิเชษฐ สถิรชัชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.

เชื่อบารมี "ลุงป้อม"

“ทั้งหมดทั้งมวลคิดว่าเป็นเรื่องบารมีลุงป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นหลัก เพราะหนึ่งมันต้องมีคนที่ทุกฝ่ายให้ความเกรงใจและเคารพคะแนนมันถึงออกมาไม่มีกระเด็น”

เมื่อถามว่า วันโหวตพล.อ.ประวิตร ต้องนั่งกำกับจนถึงวาระสุดท้ายก่อนโหวตใช้หรือไม่ นายสุชาติ ยอมรับว่า ใช่ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกรณีที่ผู้นำฝ่ายค้านได้ออกมาระบุถึงท่าทีของฝ่ายค้านในการคว่ำร่างในวาระแรก

ถามย้ำว่า ในทางการเมืองไม่มีของฟรี การแจก 4 โควตากมธ.งบให้กับพรรคเศรษฐกิจไทยและกลุ่ม 16 เป็นการแลกการโหวตใช่หรือไม่ นายสุชาติ ชี้แจงว่า อันที่จริงในเรื่องสัดส่วนในกมธ.มีการนำจำนวนส.ส.ในแต่ละพรรคมาหารอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้ไปยุ่งเพราะเป็นเรื่องของประธานวิปรัฐบาล แต่จริง ๆ ถ้าตามสัดส่วนก็น่าจะเหมาะสมตรงนั้น

ในส่วนของนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรมนั้นก็ไปอยู่ในสัดส่วนครม. ขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทยได้ 2 โควตาพรรค บวก 1 โควตาครม. ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนยกตัวอย่าง พรรคพลังท้องถิ่นไทยของนายชัชวาลล์ คงอุดม ที่ได้ 1 โควตา หรือพรรครวมพลังที่ได้ 1 หรือสัดส่วน 5 ที่นั่งต่อ 1 โควตาฉะนั้นพรรคเศรษฐกิจไทยจึงได้ 3 โควตากมธ.

นายสุชาติ ยังกล่าวว่า ด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบันมีมาตรา 144 ค้ำอยู่ส.ส.คงไม่สามารถแปรญัตติอะไรได้เหมือนเมื่อก่อน

ประเมินกมธ.งบบันไดไต่รมต.

“คนที่เป็นกมธ.งบประมาณส่วนมากสเต็ปต่อไปก็ต้องเป็นรัฐมนตรี เพราะคนที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องมองงบประมาณให้ออก”

ถามย้ำว่า การเป็นกมธ.งบประมาณคือบันไดก้าวแรกของการเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นฝ่ายบริหาร นายสุชาติ มองว่า การเป็นฝ่ายนิติบัญญัติแต่ไม่เคยผ่านการเป็นกมธ.งบประมาณ เวลาเป็นรัฐมนตรีไม่สามารถคุยกับอธิบดีได้ว่างบก้อนไหนจะเป็นอย่างไร ผมเป็นกมธ.งบมา4รอบเพราะอยากเรียนรู้

นายสุชาติ ยังวิเคราะห์ 278 เสียงที่รับหลักการที่มีเสียงเทมาจากฝ่ายค้าน 12 เสียงว่า มาจากหลายภาคส่วน ผมไม่ได้มีอำนาจอะไรมากขนาดนั้น เราระมัดระวังเพราะก่อนหน้านี้มีเสียงขู่เยอะมากโดยเฉพาะจากฝ่ายค้าน ที่เราประมาทไม่ได้

“คะแนนเสียงที่เทมาอย่างที่เป็นข่าวมีการเปิดตัวไปแล้ว เป็นช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่เขาอยู่บ้านเดิมแล้วไม่มีความสุข เหมือนอย่างพปชร.ผมก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อเลือกตั้งจะอยู่ครบ 90 กว่าคนหรือไม่ ผมก็ต้องเตรียมทำดัมมี่หาคนแทนเป็นเรื่องของการเมืองที่มีเข้าแล้วมีการออก”

สัญญาณนับถอยหลังเลือกตั้ง 66

นายสุชาติ ยังเชื่อว่า ขณะนี้เป็นช่วงนับถอยหลัง เคาท์ดาวน์สู่การเลือกตั้งไปเรื่อย ๆ

ส่วนตัวแม้เชื่อว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม แต่อาจมีการยุบสภาก่อน 1-2 เดือน เพราะจะมีเงื่อนไขสำคัญในเรื่องการสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ถ้าอยู่แบบครบเทอมสมมุติว่าผมจะไปบ้านหลังใหม่ผมต้องลาออกไม่ก่อนจะมีการเลือกตั้งซึ่งก็จะมีหลายสูตร

ผมไม่กล้าไปตัดสินใจแทนนายกฯ แต่มองในเรื่องที่ว่า จะทำอย่างไรให้บาลานซ์มากที่สุดผมมองเป็นไตรมาส

ซักฟอกรมต.เสี่ยงดับคาสภา

เมื่อถามว่ามติ 278 ที่ออกมา สรุปได้หรือไม่ว่า ในช่วงที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือว่าไม่มีปัญหาแล้ว นายสุชาติมองว่า หากมองตัวเลขนี้ ถือว่าไม่มีปัญหา แต่สถานการณ์การอภิปรายก็ต้องรอดูประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบมา

เราพูดตรง ๆ ว่า ตัวท่านนายกฯผมไม่เป็นห่วง แต่เป็นห่วงรัฐมนตรีคนอื่นๆที่อาจมีเรื่องอะไรที่ต้องชี้แจงให้ได้ การที่เราเป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรค ฉะนั้น การที่เรากำลังนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งการที่จะมีประเด็นอะไรที่จะไปกระทบกับเสียงของประชาชน พรรคบางพรรคอาจจะลำบากใจในการที่เขาจะช่วยเรา

ขณะที่เสียงฝ่ายค้าน 194 เสียงถ้าผมเป็นฝ่ายค้านจะต้องให้อีก 45 เสียงถึงกระครบ 238-239 เสียง การจะหา 45 เสียงสู้เอาเวลาไปหาเสียงกับ ประชาชนดีกว่า 194 เสียงงบประมาณ พอถึงเวลาซักฟอกอาจไม่ถึงก็ได้ 

ฉะนั้นฝ่ายค้านจะต้องหาเสียงอย่างน้อย 50-60 เสียง ถามว่าคุ้มค่ากับช่วงที่เวลที่เหลือหรือไม่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจมองว่าเป็นการปราศัยหาเสียงหักล้างกันมากกว่า

นายสุชาติ ยังมองข้ามช็อตไปถึงการพิจารณา 2 ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 2 ฉบับว่าด้วยการเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวคว่ำร่างในวาระ 2 และ 3 ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันแต่หวังว่าที่สุดแล้วทั้งหมดจะเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

ย้ำ “ลุงป้อม” บารมีสูงสุด

เมื่อถามถึงภาพการเมืองของพรรคเศรษฐกิจไทย นายสุชาติมองว่า อย่าลืมว่าแม้จะมีการมองว่าเป็นเหมือนเสือ แต่ส.ส.ที่ออกไปมีต้นทุนมาจากพปชร.ซึ่งทุกคนเป็นพี่เป็นน้องกันทั้งนั้น แม้แต่ร.อ.ธรรมนัสที่เป็นเหมือนพี่ผม

แต่อย่างที่บอกว่าคนที่มีบารมีสูงสุดคือลุงป้อมทุกคนต้องเชื่อลุงป้อม เพียงแต่เราอย่าไปกระทบกระทั่งกันเท่านั้น 

“พรรคเศรษฐกิจไทยเป็นรัฐบาลด้วยกันไม่มีอะไรต้องกลัว วันที่ออกไปเราพูดกันในที่ประชุมว่าออกไปแต่ยังสนับสนุนรัฐบาลด้วยกัน ฝ่ายค้านเรายังไม่กลัว อันนี้เป็นรัฐบาลด้วยกัน ไผ่กอเดียวกันเราจะกลัวทำไม”