ครม.เห็นชอบ ปรับลดบัญชี "จระเข้น้ำจืด" พันธุ์ไทยจากบัญชี 1 สู่บัญชี 2
ครม.เห็นชอบในหลักการร่างข้อเสนอการปรับลดบัญชี "จระเข้น้ำจืด" พันธุ์ไทยจากบัญชี 1 สู่บัญชี 2 ในการประชุมภาคีอนุสัญญา CITES สามารถส่งออกจระเข้โดยจะต้องมีใบอนุญาตส่งออก ใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์จระเข้ และใบอนุญาตให้ค้าจระเข้
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการร่างข้อเสนอการปรับลดบัญชี "จระเข้น้ำจืด" พันธุ์ไทย (Crocodylus siamensis) โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องจัดส่งร่างข้อเสนอดังกล่าวต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เพื่อเสนอเข้าวาระการประชุมภาคีอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 19 ภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2565 นี้ ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างข้อเสนอฯดังกล่าว ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของอธิบดีกรมประมงเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอครม.ใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทั้งนี้ "จระเข้น้ำจืด" พันธุ์ไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ และอยู่ในบัญชี 1 ตามอนุสัญญาCITES ซึ่งเป็นบัญชีสำหรับชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2518 เนื่องจากประชากรจระเข้ตามธรรมชาติในประเทศไทยมีจำนวนน้อย แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ตัว ต่อมาประเทศไทยเริ่มมีการเพาะพันธุ์จระเข้ และมีการค้าขายกันเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นในปี 2556 ในการประชุมภาคีอนุสัญญา CITES ครั้งที่16 ประเทศไทยจึงขอเสนอปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยจากบัญชี 1 ตามอนุสัญญา CITES เป็นบัญชี 2 เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกจระเข้ไปยังต่างประเทศ แต่ข้อเสนอครั้งนั้นไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม เนื่องจากประเทศภาคีสมาชิกบางประเทศคือสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีความกังวลต่อจำนวนประชากรจระเข้น้ำจืดของไทยในธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการปรับลดบัญชี "จระเข้น้ำจืด" พันธุ์ไทยครั้งใหม่นี้ ได้มีการเพิ่มและปรับปรุงข้อมูลในส่วนแนวทางการคุ้มครองจระเข้ตามธรรมชาติของประเทศไทยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่อจระเข้ตามธรรมชาติ เป็นต้น เพื่อให้ประเทศภาคีอนุสัญญา CITES มั่นใจว่าจระเข้ตามธรรมชาติจะได้รับการคุ้มครอง และจะไม่มีการทำการค้าโดยเด็ดขาด และการค้าจระเข้จะมาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ของเกษตรกรที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างบัญชี 1 และบัญชี 2 ตามอนุสัญญา CITES คือ บัญชี 1 จะระบุชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่มีสภาพใกล้สูญพันธุ์ ห้ามมีการส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า แต่หากชนิดพันธุ์ดังกล่าวสามารถเพาะพันธุ์และมีศักยภาพในการค้าขายเชิงพาณิชย์ได้ให้สามารถส่งออกได้ ภายใต้เงื่อนไขคือ ต้องเป็นฟาร์มที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักเลขาธิการ CITES แล้ว และต้องขอใบอนุญาตส่งออก ใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์จระเข้ และใบอนุญาตให้ค้าจระเข้เช่นเดียวกับบัญชี 2 ส่วนบัญชี 2 เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่า ที่มีสถานภาพยังไม่ใกล้สูญพันธุ์ สามารถส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าได้ โดยจะต้องมีใบอนุญาตส่งออก ใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์จระเข้ และใบอนุญาตให้ค้าจระเข้ โดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนฟาร์มกับสำนักเลขาธิการ CITES