เลขา สมช. เผย ดูแลพลังงาน-อาหาร เรื่องความมั่นคง ไม่ซ้ำซ้อนงานใคร

เลขา สมช. เผย ดูแลพลังงาน-อาหาร เรื่องความมั่นคง ไม่ซ้ำซ้อนงานใคร

เลขา สมช. แจงปม รัฐให้ สมช.ดูแลพลังงานและอาหาร ยืนยันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ต้องประเมินผลกระทบด้านความมั่นคง ลั่น ไม่ทับซ้อนงานของใคร


ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลเอกสุพจน์​  มาลานิยม​ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ (สมช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯตั้ง สมช. ดูแลความมั่นคงอาหารและพลังงาน ว่า อย่างที่ทุกท่านทราบ ผลกระทบของโควิด-19 เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยได้มีการผ่อนคลายและปัจจุบันได้กระตุ้นเศรษฐกิจโดยนโยบายของรัฐบาล ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจขยับขึ้นในตัวเลขที่ดีตามที่สภาพัฒน์ได้ชี้แจงให้สังคมทราบ 

ทั้งนี้ ในส่วนของผลกระทบที่สำคัญและเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันคือความขัดแย้งของประเทศในโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลกหรือพูดง่ายๆคือ เงินเฟ้อ สินค้าราคาแพง พลังงานราคาสูง เงินทองผันผวน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทางรัฐบาลได้มีมาตรการพยายามแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบทีมงานเศรษฐกิจ 

พลเอกสุพจน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงคือ การเตรียมความพร้อมรองรับอนาคต เบื้องต้นที่ได้พูดคุยและประเมินสถานการณ์ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สมช.อยู่แล้วในการประเมิน เรามองว่าไม่ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลงเมื่อใด ในระยะเวลาอันสั้นหรือจะยืดเยื้อยาวนาน ปัจจุบันผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากผลพวงของสงครามมีการคว่ำบาตร มีการต่อต้านในเรื่องเศรษฐกิจ เรามองว่าควรคิดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย อันนี้เป็นเจตนารมณ์ของท่านนายกฯ 

“ท่านนายกฯได้สั่งการให้ตนดำเนินการ ตนได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเศรษฐกิจ ซึ่งทำงานตามหน้าที่อยู่แล้ว เพียงแต่เรานำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันเพื่อประเมิน และกำหนดเป็นแผนที่จะเตรียมการสำหรับอนาคต จะมีระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว” พลเอกสุพจน์ กล่าว

พลเอกสุพจน์ ยังกล่าวอีกว่า แผนการที่ว่าเราจะดูปัญหาที่เกี่ยวกับเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย เศรษฐกิจชะลอตัว และมีผลกระทบต่อประชาชนคนไทย สุดท้ายจะทำให้มีปัญหา จุดนี้ถือเป็นเรื่องของความมั่นคง เรื่องพลังงานและอาหาร 

ในส่วนที่สมช.จะต้องร่วมมือด้วยคือภาคเอกชน ระหว่างนี้กำลังพูดคุยหารือเพื่อจัดระบบการติดตามประมวลผล และทำข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาล ซึ่งสมช.มีความเกี่ยวข้องอย่างไร พลเอกสุพจน์ ระบุว่า ตนทำงานภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งไม่ว่าจะเกิดประเด็นใดที่จะกระทบความมั่นคง คณะกรรมการชุดนี้สามารถหยิบยกเป็นประเด็นเอามาดำเนินการได้ โดยอนาคตอาจจะต้องมีการตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการ คณะทำงานเพื่อจัดทำข้อเสนอให้กับรัฐบาล

เมื่อถามว่า รูปแบบการทำงานจะอยู่เหนือกระทรวงพลังงานหรือไม่ พลเอกสุพจน์ ระบุว่า จะเป็นการทำงานคู่ขนาน จะมีการเสนอแนวทางแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงที่รับผิดชอบ ในส่วนของพ.ร.บ.ความมั่นคง จะใช้เมื่อยามจำเป็น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในแผน

เมื่อถามอีกว่า งานจะซ้ำซ้อนกับทางสภาพัฒน์หรือไม่ พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ไม่ซ้ำซ้อน เมื่อวานสภาพัฒน์ได้มานั่งคุยและได้ข้อมูลที่ดีมากจากที่สภาพัฒน์ทำ โดยสภาพัฒน์ก็จะมีข้อเสนอในส่วนของสภาพัฒน์ กระทรวงพลังงานก็จะมีแนวทางแก้ไขของกระทรวงพลังงาน มีกรรมการนโยบายต่างๆ ซึ่งตนเองจะเป็นฝ่ายรวบรวมข้อมูลเพื่อประสานงานและประเมิน เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต