เตือนคนไทย พก "กัญชา" ไปต่างประเทศ ตรวจสอบกม.ปลายทางก่อน
เตือนคนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ตรวจสอบกฎหมายข้อกำหนดเกี่ยวกับ "กัญชา" ประเทศปลายทางโดยละเอียด หากไม่แน่ใจไม่ควรนำติดตัวไปพร้อมการเดินทาง เนื่องจากหลายประเทศยังผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขได้ปลดล็อกกัญชาและกัญชง ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 เป็นต้นมาซึ่งมีผลให้ทุกส่วนของต้น "กัญชา" และกัญชงไม่เป็นยาเสพติดยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% แต่ผลทางกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนกับผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ ยา ที่มีส่วนผสมของกัญชา ตลอดจนมีส่วนต่างๆ ของ "กัญชา" กัญชงในครอบครองที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้มีการตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทางเกี่ยวกับข้อกำหนด การอนุญาต ข้อห้ามโดยละเอียด หากไม่แน่ใจไม่ควรนำทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม หรือส่วนต่างๆของกัญชา กัญชงติดตัวโดยสารไปต่างประเทศ เนื่องจากหลายประเทศกัญชา กัญชง ยังเป็นยาเสพติดและมีบทลงโทษที่รุนแรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุดสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสถานเอกอัครราชทูต ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ได้ออกประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊คของสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 2 แห่งเตือนคนไทยไม่ให้นำกัญชา กัญชง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของพืชชนิดดังกล่าวเข้าทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษหนักทั้งปรับ จำคุก และมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
ทั้งนี้ รัฐบาลสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ทางการแพทย์และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ไม่สนับสนุนการใช้เพื่อสันทนาการ สูบ หรือเสพ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศควบคุมไม่ให้มีการสูบ ส่งกลิ่นสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้อื่น ตลอดจนประกาศให้กัญชา กัญชงเป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามจำหน่ายแก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่กำลังให้นมบุตร ขณะที่หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำแนะนำ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้พืชกัญชา กัญชง ที่เหมาะสมโดยต่อเนื่อง