"นายกฯ" ถก "หวัง อี้" กระชับสัมพันธ์ มุ่งเดินหน้า "รถไฟไทย-จีน" เสร็จตามกำหนด
"หวัง อี้" เยือนไทย เข้าพบ "นายกฯ" เห็นพ้องพัฒนาสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี มุ่งเดินหน้า "รถไฟไทย-จีน" ให้เสร็จตามกำหนด ร่วมสางปัญหาติดขัด หนุน ไทย เจ้าภาพเอเปค ระบุ หากไม่มีข้อติดขัด "สี จิ้นผิง" ร่วมด้วย
ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะนี้สถานการณ์โควิด – 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ขอขอบคุณความร่วมมือที่ได้รับจากหลายๆประเทศ รวมทั้งจีน ทั้งนี้ ห่วงใยสถานการณ์อุทกภัยทางตอนใต้ของจีน เชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้โดยเร็วเช่นที่ผ่านมา ฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรียินดีกับความสัมพันธ์ไทย-จีนที่แน่นแฟ้นในทุกระดับ มีพลวัตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยินดีกับการครบรอบหนึ่งทศวรรษของความเป็น “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” ในปีนี้ รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจีนเพื่อพัฒนาหุ้นส่วนสู่ทศวรรษหน้า และทราบว่าในการหารือระหว่างท่านกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จีนและไทยเห็นพ้องกับหลักการต่อแนวคิดที่จะตั้งเป้าหมายพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อปูทางสู่ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568 (ค.ศ. 2025)
มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่าเป็นเกียรติที่ได้เดินทางเยือนไทย มิตรประเทศที่สำคัญในภูมิภาค ชื่นชมนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ ที่รักษาเสถียรภาพทางสังคม พร้อมส่งเสริมพัฒนาทางเศรษฐกิจ ดูแลจัดการความท้าทายเรื่องโควิด-19 ได้อย่างดี ซึ่งเชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีจะพัฒนาประเทศไทยได้ดีขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ไทยจีนที่พัฒนาไปด้วยดีไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นเพราะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจต่อกัน ในปีนี้ ครบ 10 ปี “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” จะต้องวางแผนร่วมกันถึงความร่วมมือในอนาคต ร่วมกันสร้างประชาคมเพื่อ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ร่วมกัน
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมร่วมกันภายหลังสถานการณ์โควิด – 19 ดังนี้
การค้า นายกรัฐมนตรียินดีกับมูลค่าการค้าระหว่างกัน ปีนี้ช่วงเวลา มกราคม – เมษายน การค้าขยายตัวกว่าร้อยละ 20 เป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ ขอบคุณจีนที่ตอบสนองต่อข้อเสนอของไทยในการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าเกษตร ซึ่งสินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 จากไทยไปจีน และได้เสนอให้จีนพิจารณาเร่งรัดการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการนำเข้าผลไม้ในด่านอื่นๆ ของฝั่งจีน
การลงทุน ได้เชิญชวนให้จีนพิจารณาเพิ่มการลงทุนในไทย ด้วยศักยภาพจากจุดยุทธศาสตร์ของไทย การเป็นจุดเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งพร้อมรองรับการลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมที่บริษัทของจีนมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการเกษตร
การส่งเสริมความเชื่อมโยง ฝ่ายจีนให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงโครงการรถไฟจีน – ลาวกับระบบรางของไทย เชื่อมั่นว่าจะสนับสนุนความเป็นพลวัตด้านความสัมพันธ์ ขนสินค้า และนักท่องเที่ยว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการรถไฟไทย - จีนอย่างเต็มที่เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะไปติดตามปัญหาที่ติดขัดเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนในภูมิภาค โดยจีนเสนอให้จัดการประชุมสามฝ่ายเพื่อให้เกิดความคืบหน้าโดยเร็ว
การเดินทางระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณจีน ที่อนุญาตให้สายการบินพาณิชย์ของไทยกลับไปทำการบิน และให้นักศึกษาไทยทยอยเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีน ซึ่งฝ่ายจีนได้กล่าวว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นจะส่งผลให้มีเที่ยวบินมากขึ้น และสนับสนุนการเดินทางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศมากขึ้น
การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย จีนยืนยันสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอรับความร่วมมือจากจีนต่อเพื่อส่งเสริมความร่วมมือรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคที่มีความไม่แน่นอนสูงร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายจีนกล่าวว่าหากไม่มีข้อติดขัดอื่นใดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ฉีซินเฉียลี่ ชื่อชื่อชุ่นลี่ (Qixin xieli shishi shunli) ร่วมแรงใจเป็นหนึ่งเดียว เรื่องต่าง ๆ ก็จะราบรื่น หากร่วมมือกันแม้แต่ขุนเขาก็สามารถเคลื่อนได้