เอฟเฟกต์ลำปาง “ศท.” เสี่ยงแพแตก “ธรรมนัส”อัสดง อำนาจหมด บารมีหด
อนาคตพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ธรรมนัส” ในยามนี้ จึงสุ่มเสี่ยงที่จะแพแตกได้ไม่ยาก หากนักเลือกตั้งหวังเอาตัวรอด ยิ่งเวลานี้การข่าว “รื้อคดีเก่า”ของหัวหน้าพรรค กำลังจะเปิดเกม
จากที่เคยเปี่ยมล้นด้วยอำนาจบารมี มาวันนี้ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย อัสดงลงเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ เมื่อได้เห็นปรากฎการณ์พ่ายศึกเลือกตั้งซ่อม ลำปาง เขต 4
เป็นความพ่ายแพ้แบบขาดลอย เมื่อ “วัฒนา สิทธิวัง” ผู้สมัครพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ 30,451 คะแนน ถูก “เดชทวี ศรีวิชัย” ผู้สมัครพรรคเสรีรวมไทย กวาดไปได้ 55,638 คะแนน ทิ้งห่างกันถึง 25,187 คะแนน
เมื่อย้อนดูฐานคะแนนของ “วัฒนา” ในการเลือกตั้งปี 2562 ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้ 30.368 คะแนน ซึ่งมีฐานคะแนนไม่ต่างจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จึงพอคำนวณได้ว่า นี่คือฐานเสียงเฉพาะตัวของ “วัฒนา”
เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งซ่อมปี 2563 คะแนน “วัฒนา”ขยับขึ้นไปถึง 61,914 คะแนน ซึ่งต้องยอมรับว่าในขณะนั้น “ธรรมนัส” ซึ่งนำทัพใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ลงมาลุยช่วยหาเสียง ขณะที่มีพาวเวอร์อย่างมาก แถมกลไกอำนาจรัฐยังคอยเกื้อหนุน ส่งผลให้ “วัฒนา” ได้คะแนนเพิ่มอีกเท่าตัว
แตกต่างจากการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2565 ล่าสุด “ธรรมนัส” คนเดิม แต่ไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ มิหน้ำซ้ำ การเป็นศัตรูกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ส่งผลให้ธรรมนัส ไม่กล้าเดินแรง เนื่องจากไม่ไว้ใจในกลไกรัฐ เพราะอาจโดนวางยา เล่นงานได้ในภายหลัง
ทว่า ความพ่ายแพ้ จะเป็นดั่งลูกศรย้อนทำร้าย “ธรรมนัส” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เอฟเฟกต์จากคนในพรรคจะตามมาทันที
ต้องไม่ลืมว่า การมีสถานะเป็น ส.ส.สำคัญที่สุดสำหรับนักการเมือง นักเลือกตั้ง หากยังทู่ซี้อยู่กับ “ธรรมนัส” บรรดา ส.ส.เขต ต้องคิดหนักว่า พรรคเศรษฐกิจไทยมีโอกาสมากน้อยเพียงใดในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า
ไล่เรียง ส.ส. เขต มีหลายคนที่ไม่ใช่เลือดแท้ของ “ธรรมนัส” และมีโอกาสสูงที่จะต้องจากลากัน
โดยเฉพาะในรายของ “สะถิระ เผือกประพันธุ์” ส.ส.ชลบุรี โดยพรรคพลังประชารัฐ พร้อมอ้าแขนรอต้อนรับกลับบ้าน เพราะเดิมที “สะถิระ” เป็นเด็กสายตรง “บ้านคุณปลื้ม” แต่เหตุที่ต้องย้ายไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย เนื่องจากทางบ้านสนิทสนมกับ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เมื่อ “พล.อ.วิชญ์” ออกจากพรรคเศรษฐกิจไทยไปแล้ว “สะถิระ” จึงไม่มีพันธะผูกพันใดๆ
จึงไม่แปลกที่งานโรดโชว์พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีการเปิดเผยชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ชลบุรี 9 คน โดยเว้นเขต 10 เอาไว้ เผื่อ “สะถิระ” จะเปลี่ยนใจกลับมาเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสามารถตีความได้ว่าโอกาสที่ “สะถิระ” จะกลับพรรคพลังประชารัฐ มีสูงกว่าอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายราย ทั้ง “เกษม ศุภรานนท์” ส.ส.นครราชสีมา “ทัศนาพร เกษเมธีการุณ” ส.ส.นครราชสีมา (ซึ่งถูกคำสั่งศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากคดีสนามฟุตซอล) มีโอกาสออกจากพรรคเศรษฐกิจไทยเช่นกัน
ทั้ง “เกษม-ทัศนาพร” ถือเป็นสายตรงของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (ถูกคำสั่งศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ คดีสนามฟุตซอลเช่นกัน)
ยี่ห้อ “วิรัช” แม้จะมีข่าวปล่อยว่า อาจจะย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ด้วยคดีความที่ค้างคาอยู่ จึงยากที่จะเป็นศัตรูกับ “ขั้วอำนาจ” ขนาดอยู่พรรคเดียวกัน คดีความยังเดินอย่างต่อเนื่อง หากแค่คิดเป็นศัตรูทางการเมือง ชื่อของ “วิรัช” อาจจะถูกกาทิ้งจากสารบบทางการเมืองเร็วขึ้น
ดังนั้น “เกษม” ที่จะลงสมัคร ส.ส. ด้วยตัวเอง “ทัศนาพร” ที่อาจจะส่งทายาทลงชิงเก้าอี้ ส.ส. อยู่ที่ “วิรัช” จะตัดสินใจดึงตัวกลับพรรคพลังประชารัฐ หรือปักหลักอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย
อีกรายที่มีกระแสข่าวโดนดูดอย่างหนักคือ “ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์” ส.ส.สุรินทร์ โดยมีพรรคภูมิใจไทย ตามจีบให้เข้ารัง “งูเห่า” แต่ “ณัฏฐพล” ยังไม่ตกปากรับคำอย่างเป็นทางการ
ส่วนที่เหลือ อาทิ “พรชัย อินทร์สุข” ส.ส.พิจิตร “ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์” ส.ส.อุบลราชธานี “จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ” ส.ส.สมุทรสาคร อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ แต่ยังไม่มีดีลจากพรรคการเมืองใดยื่นข้อเสนอเข้ามาโดยตรง
สำหรับ ส.ส.เขต เลือดแท้สายตรง “ธรรมนัส” ที่ไปไหนไปกัน เหลือเพียง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร “จีรเดช ศรีวิราช” ส.ส.พะเยา “ปัญญา จีนาคำ” ส.ส.แม่ฮ่องสอน “ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ” ส.ส.ตาก “ภาคภูมิ บูลย์ประมุข” ส.ส.ตาก และ “สมศักดิ์ คุณเงิน” ส.ส.ขอนแก่น
แม้ “ธรรมนัส” จะประกาศพร้อมสู้ต่อไป แต่ความเป็นเอกภาพภายในพรรคเศรษฐกิจกลับลดน้อยถอยลง
การพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง กำลังสะท้อนให้เห็นแล้วว่า เมื่ออำนาจทางการเมืองของ “ธรรมนัส” หมด บารมีก็หดหาย แทบไม่เหลือ
“นักเลือกตั้ง” ย่อมประเมินปัจจัยต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนการเลือกตั้ง ก่อนจะเลือกพรรค-เลือกค่าย หากคำนวณทิศทางลมแล้ว พรรคที่สังกัดอยู่ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งน้อยลง การหาพรรคใหม่สังกัดย่อมเป็นไปได้สูง
ฉะนั้น อนาคตพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ธรรมนัส” ในยามนี้ จึงสุ่มเสี่ยงที่จะแพแตกได้ไม่ยาก หากนักเลือกตั้งหวังเอาตัวรอด ยิ่งเวลานี้การข่าว “รื้อคดีเก่า”ของหัวหน้าพรรค กำลังจะเปิดเกม!